วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านอย่างได้ผล

น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ บ้านผมก็หนีไม่พ้นอีกเช่นเคย เพราะอยู่ในโซนหมายเลข 1 ที่น้ำจะต้องท่วมก่อนโซนอื่น ๆ ยังโชคดีที่ อบต.ปรับปรุงถนนหน้าหมู่บ้านให้มีความสูงมากขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นถึงแม้ระดับน้ำจากแม่น้ำปิงจะสูงเกินค่าวิกฤติ คือ 3.70 เมตร น้ำก็ยังไม่ล้นตลิ่งข้ามถนนเข้าไปท่วมหมู่บ้าน แต่ในที่สุดก็ไม่รอด เพราะปีนี้น้ำขึ้นสูงสุดถึง4.94 เมตร สรุปว่าน้ำเริ่มเข้าท่วมถนนภายในหมู่บ้านตั้งแต่ตอนบ่ายวันพุธที่ 28 กันยายน 2554 และหยุดท่วมในเช้าวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554
ถึง น้ำจะท่วมถนนภายในหมู่บ้านสูงถึง 60 ซม. จนไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวเข้า-ออกได้ตามปกติ แต่จากประสบการณ์ที่ต้องผจญกับน้ำท่วมในหมู่บ้านนี้มาหลายครั้ง ทำให้เกิดองค์ความรู้ที่จะป้องกันไม่ให้น้ำจากถนนภายในหมู่บ้าน ไหลเข้าไปท่วมในบริเวณบ้านอย่างได้ผล ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่น ๆ ในวันนี้ครับ

เตรียมการก่อน

ประสบการณ์ จากน้ำท่วมเมื่อครั้งที่แล้ว พบว่าถึงแม้จะกั้นกระสอบทรายไว้ที่ประตูรั้ว แต่ก็ไม่สามารถกั้นน้ำเข้าบ้านได้ เพราะ (1) บริเวณสนามหญ้าและลานอิฐบล็อกภายในบริเวณบ้านจะมีน้ำปุดทะลุพื้นดินขึ้น มา ( 2) กระสอบทรายไม่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอ เมื่อถูกคลื่นที่เกิดจากรถยนต์วิ่งฝ่าเข้ามาในถนนที่น้ำท่วม จะมีแรงดันมหาศาลทำให้กำแพงกระสอบทรายพัง และน้ำไหลเข้าบริเวณบ้านได้ในที่สุด
จากประสบการณ์ดังกล่าวผมได้เตรียมการไว้หลังจากน้ำลดครั้งที่แล้ว ดังนี้
(1) ปรับปรุงพื้นรอบ ๆ บริเวณบ้านใหม่ โดยทำพื้นให้เรียบและเทพื้นด้วยคอนกรีตซีแพ็คลงไปจนเต็มชิดรั้วทุกด้าน
(2) ทำบานเหล็กสำหรับกั้นน้ำพร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง โดยทำกรอบรางเหล็กสำหรับสวม ติดถาวรไว้ที่ประตูรั้วบ้านทั้งซ้ายและขวา ส่วนบานเหล็กและเสาค้ำยันถอดออกได้ เพื่อให้สามารถใช้ประตูบ้านได้ในยามปกติ
(3) ซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดแช่ขนาดเล็กที่เรียกว่าไดรโว่ ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาท เครื่องสูบน้ำชนิดนี้จะขาดตลาดทันทีที่เกิดน้ำท่วม จึงต้องซื้อเก็บไว้ล่วงหน้า แล้วก็ไม่ลืมสายไฟพร้อมปลั๊กที่จะใช้ต่อพ่วงมาจากตัวบ้านจนถึงประตูรั้ว
(4) ดินน้ำมันจำนวนหนึ่ง ใช้สำหรับอุดในช่องว่างที่ประกอบบานเหล็กกั้นน้ำเข้ากับประตูรั้วบ้าน

น้ำมาแล้ว

เสียง ประกาศเตือนภัยจาก อบต. ตั้งแต่เช้า แจ้งว่าน้ำคงจะเข้าท่วมหมู่บ้านในช่วงบ่าย ขอให้ประชาชนเตรียมป้องกันทรัพย์สินของตนเอง ผมนำรถยนต์ออกจากบ้านไปจอดไว้ยังที่ปลอดภัยนอกหมู่บ้าน กลับเข้ามาก็เริ่มติดตั้งบานเหล็กเข้ากับประตูรั้วบ้าน ติดตั้งเสาค้ำยัน ใช้ดินน้ำมันอุดตามรอยต่อระหว่างบานกับกรอบรางเหล็ก นำเครื่องสูบน้ำไดรโว่มาวางไว้ใกล้ประตูรั้ว ในตำแหน่งที่คาดว่าน้ำจะซึมเข้ามาและท่วมขังอยู่ ต่อสายไฟพร้อมใช้งาน แล้วรอน้ำที่กำลังเริ่มไหลเข้ามาในหมู่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ
เวลา ประมาณ 16.00 น. น้ำท่วมถนนภายในหมู่บ้านทุกถนนแล้ว มีน้ำซึมผ่านบานเหล็กที่ประตูรั้วเข้ามาในบ้านของผมปริมาณหนึ่ง แต่เมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำก็สามารถควบคุมระดับน้ำไม่ให้สูงจนเกิดความเสีย หายได้ เมื่อน้ำในถนนลดลง ผมไม่ต้องลำบากในการทำความสะอาดบริเวณบ้าน ที่มีดินโคลนตกค้างจากน้ำท่วมขัง เหมือนน้ำท่วมเมื่อครั้งก่อนอีกแล้ว

ภาพบรรยากาศ



ติดตั้งบานเหล็กเข้ากับเสาประตูรั้วบ้าน พร้อมติดตั้งเสาค้ำยัน

เข้า-ออก จากบ้านต้องใช้เก้าอี้บันไดตัวนี้ สังเกตระดับน้ำภายนอกบ้านเริ่มสูงมากแล้ว

ขณะ ที่ถนนด้านนอกระดับน้ำสูงถึง 60 ซม. แต่ภายในบ้านมีน้ำรั่วซึมเข้ามาเพียงเท่านี้ และเมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำ น้ำก็จะแห้งภายใน 5 นาที

ลุยน้ำออกไปถ่ายจากนอกบ้านเข้ามา สภาพประตูกั้นน้ำจะมีลักษณะนี้

บ้านข้าง ๆ ก็ติดตั้งบานประตูกั้นน้ำเช่นเดียวกัน

อีกภาพหนึ่ง

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มาใช้ผ้าคลุมรถกันน้ำท่วมเพื่อป้องกันรถคุณจากน้ำท่วมกันเถอะ





ตอนนี้พี่น้องคนไทยกำลังประสบปัญหาน้ำท่วม ตามห้างร้านก็เปิดให้เอารถเข้าไปจอดกันบนที่สูงได้ ถ้า

หากว่าคุณสะดวกอย่างงั้น นั่นก็เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการป้องกันไม่ให้รถของคุณโดนน้ำท่วมได้ แต่วันนี้

เรามี idea ใหม่ ที่อาจจะป้องกันน้ำจากรถของคุณได้ไม่ยาก จากการใช้ ถุงคลุมกันน้้ำแบบกลับหัวกลับ

หางซึ่งก็น่าจะป้องกันน้ำท่วมได้จริงเหมือนกันครับ

ตอนแรกผมก็ Google หาดูว่า จะมีสินค้าประเภท ถุงพลาสติกคลุมรถ หรือไม่เพราะเคยเห็นในข่าวเมื่อ

ตอนน้ำท่วมครั้งก่อนแต่ปรากฏว่า ก็ยังไม่ได้ทำเป็นสินค้ามาขาย และค้นหาไมเจอใน internet แต่

อย่างใดครับ เพราะงั้นถ้าหากว่าชอบ concept ของถุงกันน้ำท่วมคลุมรถ แบบนี้แล้วล่ะก็ คุณไม่ต้องไป

หาซื้อทีไหนไกลกันแล้วล่ะครับ เพราะ แค่ผ้าคลุมรถธรรมดาๆ ก็ป้องกันน้ำท่วมรถยนต์คันงามของคุณได้แล้ว !

มาใช้ผ้าคลุมรถกันน้ำท่วมเพื่อป้องกันรถคุณจากน้ำท่วมกันเถอะ!

เริ่มมาใช้ ผ้าคลุมรถโดยเลือกเอา size XL หรือยิ่งใหญ่ยิ่งดี เพราะจะได้สวมใส่กันได้สะดวก เพราะ

concept ของเราคือ การเอาผ้าคลุมรถแทนที่จะใส่จากด้านบน ก็เอามาใส่จากด้านล่างแทนครับ ตอนที่

คุณเลือกผ้าคลุมรถ ต้องเป็นผ้าหรือเป็นวัสดุอะไรก็ตามที่กันน้ำได้ด้วยเท่านั้น เพราะอาจจะมีผ้าคลุมรถที่

กันน้ำไม่ได้ (อันนี้ไม่แน่ใจว่ามีเหรอป่าวแต่ว่าถ้าหากว่าจะเอา sure ให้ถามคนขายด้วยน่ะครับว่า ผ้า

คลุมรถอันนี้กันน้ำได้แบบ 100% ด้วยหรือไม่)

ผ้าคลุมรถเป็นแบบที่ขอบยางเสียหน่อยก็น่าจะดีเพราะว่า ตอนสุดท้ายแล้ว เมื่อคุณเอาไปคลุมรถเสร็จ มัน

ก็จะเข้ารูปเหมือนกับเป็นการใส่เกงกางให้กับรถสุดรักของคุณยังไงล่ะครับ และทั้งนี้ก็จะเป็นการง่ายต่อ

การคลุมที่กระชับอีกด้วย

เริ่มต้นให้วางผ้าคลุมรถไว้ ณ ตำแหน่งที่คุณอยากจะจอดรถเอาไว้เช่น ที่จอดรถบ้านคุณเองเป็นต้น แล้วก็

ให้คนจับมุมเอาไว้ทั้งสองฝั่ง ถ้าหากว่าจะให้ง่ายที่สุดผมแนะนำว่า ควรจะมีคนจับมุมทั้งสี่ฝั่งไว้เลยจะทำใ

ห้การถอดจอดรถเพื่อเข้าผ้าคลุมรถทำได้ง่ายมากๆ หลังจากนั้นก็ให้คนขับถอยรถช้าๆ และเปิดกระจกรถ

เอาไว้เผื่อว่าจะตะโกนหากันตอนที่ คนจับผ้าโดนรถเหยียบก็จะได้บอกคนขับรถได้ครับ

การถอยรถต้องค่อยๆถอย โดยผ่านมุมเข้าผ้าคลุมช้าๆเป็นแนวเดียวกับผ้าคลุมรถ และ ผ้าคลุมควรจะต้อง

ขึงตึงเอาไว้ เพราะ เราไม่อยากจะให้รถเหยียบผ้าคลุมเอาไว้ เดี๋ยวมันจะยกขอบผ้าคลุมไม่ขึ้นครับ

เมื่อถอยรถได้ตำแหน่งอยู่กลางผ้าคลุมแล้วก็ให้คุณเอาขอบของผ้าคลุมคลุมเอาไว้รอบคัน ทั่วทั้งคันครับ

และ สำหรับการป้องกันที่จะทำได้จริง คุณจะต้องติด tape กาวแบบที่เมื่อมีน้ำชะจะต้องไม่หลุดลอกออกม

าด้วยครับ แนะนำว่าให้แปะก็แปะทั่วทั้งคันเพื่อความมั่นใจได้ว่า น้ำจะไม่ซัดหรือดึงผ้า หรือไปกร่อนเนื้อ

กาวเพื่อให้ผ้าคลุมหลุดลอกออกมาได้ง่ายๆ

ผมว่าวิธีการนี้ คือ การใช้ผ้าคลุมรถกันน้ำท่วม โดยเอามาคลุมแบบกลับหัวนั้น น่าจะเป็นทางเลือกที่ทำได้

ง่าย ด้วยอุปกรณ์ที่หาซื้อได้จากห้างร้านค้าทั่วไปครับ


ที่มา:Rackmanagerpro.com

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

7 วิธี ขับประหยัดกับเกียร์ ออโต้

ช่วงนี้แม้ราคาน้ำมันอาจจะลงไปแล้วหลังนโยบายรัฐบาลตัดสินลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันส่งผลให้ราคาทรุดฮวบไปในทันใด แต่ถึงจะเริ่มวางใจได้แต่นโยบายนี้ก็เปิดมาแล้วว่าเป็นเพียงแค่ชั่วคราว และการประหยัดที่แท้จริงยังอยู่กับเราๆท่านๆเหมือนเดิม

หลายครั้งที่เราออกมาพูดเรื่องการประหยัดน้ำมันปาวๆ ทำโน่นนี่นั่น แต่ครั้งนี้เราจะต่างออกไปด้วยการพูดถึงเทคนิคการขับเสียส่วนใหญ่ ที่คราวนี้เราขอตามกระแสกับ 7 เทคนิคที่คุณต้องรู้เอาไว้ ถ้าคุณกำลังใช้รถเกียร์อัตโนมัติ

1.รู้จักรถยิ่งขับยิ่งประหยัด เราหลายคนรู้จักรถดีขับมันทุกวันแต่ไม่คุ้นเคยกับนิสัยของมันเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่น่าแปลก เพราะการขับขี่นั้นจำเป็นต้องรู้จักรถให้ดี สิ่งหนึ่งที่ต้องจดจำคือช่วงที่แรงบิดสูงสุดถูกเรียกออกมา ซึ่งจะมีประโยชน์มากยามเร่งแซง

2.Walking Speed หลายคนที่ขับรถนั้นไม่ค่อยคุ้นกับคำนี้เท่าไรนักแต่ walking Speed นั้นหมายถึงการที่รถยนต์สามารถเคลื่อนได้ด้วยตัวเองโดยที่เราไม่ต้องแตะคันเร่ง ตามปกติสำหรับเกียร์ออโต้แล้ว Walking speed คือสิ่งที่เราทำกันอยู่ประจำยามที่เราไม่ได้เดินคันเร่ง ซึ่งมีประโยชน์ตอนที่กาจราจรติดขัดหรือตอนเข้าที่จอดรถ เพราะยิ่งเร่งน้อยก็ยิ่งประหยัด

3 เกียร์ L ขึ้นทางชันรับรองว่าประหยัดกว่า ในการขึ้นทางชันนั้นเราหลายคนมักละเลยในการเปลี่ยนโหมดเกียร์มาใช้เกียร์ L ด้วยความสะดวกเข้าว่า ความจริงแล้วถามว่าผิดหรือคำตอบคือไม่ แต่มันไม่เหมาะสม เพราะเกียร์ D นั้นจะทำการเปลี่ยนเกียร์ แต่ในการขึ้นทางชันที่แรงต้านทานจากเนินสูง โดยเฉพาะการขึ้นที่จอดรถ การใช้เกียร์ L โดยใช้กำลังแรงบิดเครื่องส่งขึ้นนั้นจะทำให้รถไม่ต้องออกแรงสู้กับเนินมากผลคือประหยัดกว่า ชัวร์!

4.คิกดาวน์อย่าทำบ่อยถ้าไม่จำเป็น การคิกดาวน์ในเกียร์อัตโนมัตินั้นถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสร้างความสะดวกสบายในการเร่งแซง แต่มันก็ต้องแลกมาดัวยอัตรากินน้ำมัน ซึ่งแม้ระบบเกียร์ปัจจุบันจะมีการพัฒนาให้ตอบสนองได้ดีส่งกำลังได้มากยิ่งขึ้น แต่การคิกดาวน์ก็ยังเปรียบได้ดั่งการกระชากเกียร์อยู่ดี

หลายคนที่ขับเกียร์อัตโนมัติเข้าใจว่าการคิกดาวน์นั้นเป็นหนทางเดียวที่เร่งแซง แต่ความจริงแล้วนอกจากที่ปลายเท้าแล้วยังมีการใช้ระบบ Overdrive หรือ O/d ซึ่งทำให้เกียร์เปลี่ยนอย่างนิ่มนวลมากกว่าการคิกดาวน์หรือบางคันเป็นตำแหน่ง 3/D3 ตามแต่ยี่ห้อรถ

5 คันเร่งเดินให้เนียน หลายคนที่ไม่ได้ฝึกขับรถอย่างจริงจังนั้นมักจะไม่ทราบว่าการเดินคันเร่งนั้น เป็นเรื่องสำคัญยิ่งชีพในการพิชิตความประหยัดที่จะใช้น้ำมันทุกหยดให้คุ้มค่า การใช้คันเร่งนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากในรถเกียร์ออโต้ เพราะเมื่อเรากดคันเร่งลึกไประบบเกียร์ก็จะคิกดาวน์หรือน้อยไป รถก็วิ่งแบบคลานๆ เราต้องหาความพอดี โดยอาจจะใช้วิธีกดเร่งไปถึงระดับความเร็วที่ต้องการก่อนแล้วผ่อนรักษาความเร็ว ซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งที่ให้การประหยัดน้ำมันที่ดีทีเดียว และที่สำคัญไปกว่านั้นพยายามรักษาความเร็วให้คงที่ตลอดทาง หากรถคุณมีระบบ Cruise Control อย่าลืมที่จะใช้มันในการขับขี่

6.เบรคให้น้อยชะลอบ่อยๆ เราหลายคนที่ขับรถยนต์เกียร์ออโต้ที่ชินกับการเร่งและเบรคนั้น อาจจะไม่ค่อยมีสไตล์การขับขี่ที่ใช้วิธีชะลอความเร็วเหมือนคนที่ขับรถเกียร์รรมดา ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากความคุ้นเคย แต่เชื่อหรือไม่การชะลอความเร็วโดยไม่เบรคนั้นเป็นหนึ่งในกระบวนการของวิธีประหยัดน้ำมันด้วย

เรื่องนี้ฟังดูไม่น่าเกี่ยวกันแต่มันคือข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อเราเบรคลดลมจากท่อไอดีจะถูกดูดมาที่หม้อลมเพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ซึ่งจะมีอัตราลดลงมากกว่าการที่เราไม่เหยียบคันเร่งหรือชะลอความเร็ว นี่ยังไม่นับการสูญเสียน้ำมันกับการเร่งเมื่อความเร็วลดลงกว่าที่ขับปติ ซึ่งเท่ากับการซดน้ำมัน 2 เท่าตัว

7.หัดใช้เทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบันรถยนต์เกียร์ออโต้หลายรุ่นเริ่มมีการติดตั้งระบบ start/stop function เข้ามาเพื่อหยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราว ระบบนี้ช่วยคุณประหยัดได้มาก-มาที่สุดในสภาวะการจราจรที่ติดขัด เพราะเมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงานก็หยุดจ่ายน้ำมัน ผลคือประหยัดแน่นอน ดังนั้นจึงควรเรียนรู้ไว้ โดยปกติแล้วระบบดังกล่าวจะทำงานเมื่อเราเหยียบแป้นเบรคเป็นระยะเวลานานๆ ส่วนวิธีการรีสตาร์ทเครื่องนั้นก็เพียงกดคันเร่งก็สามารถขับขี่ต่อได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายระบบที่สำคัญต้องลองหัดดูครับ

ทั้ง 7 ข้อนี้เป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่ช่วยให้คุณสามารถเซฟเงินในกระเป๋าได้เมื่อขับรถเกียร์ออโต้ ที่แม้ราคาน้ำมันในชั่วโมงนี้อาจจะยังไม่น่าห่วงแต่ฝึกเอาไว้ให้ชินจะมีประโยชน์มากเมื่อยามน้ำมันกลับมาแพง