วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554
20 วิธีสบายมีความสุขในออฟฟิศ
แต่ละวันในออฟฟิศก็ยุ่งพออยู่แล้ว อย่าทำให้ชีวิตเรายุ่งยากไปด้วยอีกเลย นี่คือวิธีดูแลตัวเองง่ายๆ ที่ทำให้เป็นคนลัลล้าได้ ตั้งแต่ จันทร์ถึงศุกร์ ไม่เจ็บไม่ไข้ และใจเป็นสุข
1. เช็ดโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานอาทิตย์ละ 1 ครั้ง อาการสิวขึ้นเป็นแถบที่ข้างแก้ม นั้นคือ สิวที่เกิดจากโทรศัพท์ที่เราพูดลงไปทุกวัน ทั้งฝุ่น ทั้งน้ำลาย แต่ไม่ต้องห่วง สำลีชุบแอลกอฮอล์ช่วยคุณได้
2. ช้อนส้อม 1 ถ้วยกาแฟ 1 ฟองน้ำล้างจาน 1 ต้องมี ไม่ใช่ว่า รังเกียจ ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนู แต่มีไว้ใช้เป็นของส่วนตัวสบายใจ สบายตัวที่สุด เพราะคุณจะรู้หรือว่า ใครไม่สบายเป็นอะไรกันบ้าง แล้วคุณรู้มั้ยว่า ฟองน้ำล้างจาน ตรงมุมกาแฟนั้น แม่บ้านเปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
3. อย่าเด็ดขาด! อย่าใส่ชุดสีดำทึม เทาในวันที่ซึมเศร้า เบื่อหน่าย ไปทำงาน เพราะจะทำให้คุณรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม
4. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว เชื่อหรือไม่ว่า อากาศในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำนั้น แห้งได้พอๆ กับทุ่งนากลางแจ้ง ผิวคุณก็จะขาดความชุ่มชื่นไปได้อย่างไม่รู้ตัว
5. ยิ้มทุกครั้งเวลาที่รับโทรศัพท์ จะช่วยให้เสียงสวยจนปลายสายอยากเห็นหน้า
6. ตั้งกระจกไว้ที่โต๊ะทำงาน ช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้บ้าง แต่งงานหลักเอาไว้ให้เราได้ฝึกยิ้มอยู่เสมอ ยิ้มบ่อยๆ จะเครียดน้อยลง ใจจะสบายขึ้น
7. โหลดวอลล์เปเปอร์เป็นรูปขำๆ หรือวิวสวยๆ ไว้ที่หน้าจอ พักสายตาได้ดี
8. วางแฮนด์ครีมกลิ่นหอมๆ ถูกใจที่สุด ไว้ไกล้ๆ มือ หาบ่อยๆ กลิ่นหอมจะช่วยผ่อนคลายได้ แถมมือยังนุ่มตามมา
9. เลือกเพลงแจ๊สเบาๆ หรือเป็นเพลงแบบมิวสิค บ็อกซ์ ใสๆ ฟังได้สบาย หรือจะเป็นเพลงคลาสสิกก็ดี คลื่นสมองเราจะทำงานได้สงบดีขึ้น แล้วจะเลือกแผ่นไหนดี ให้เลือกเพลงที่ฟังได้เพลินๆ ทำงานไปได้เรื่อย โดยที่ไม่รู้สึกว่าเสียสมาธินั่นละ
10. One free Day แค่อาทิตย์ละวัน... วันไหนที่ไม่ต้องมีนัดกับใคร ไม่ต้องไปประชุมกับลูกค้า ยกเว้นนั้นให้ตัวเองได้ แต่งตัวสบายๆ หยุดพยายามสวยกันสักหนึ่งวัน
11. ขยับตัว ยืดหลัง 2 ครั้ง ต่อวัน... เป็นอย่างน้อย
12. วางคริสตัลหรือแท่งแก้ว หินสีไว้ที่โต๊ะทำงาน ศาสตร์ทางฮวงจุ้ยบอกว่า จะช่วยดูดพลังร้ายๆไป ศาสตร์เรื่องหินจะบอกว่า จะช่วยดูดซับพลังความร้อนจากคอมพิวเตอร์ได้
13. มีรองเท้าแตะไว้ที่ใต้โต๊ะ ไว้เปลี่ยนตอนเมื่อยๆจากรองเท้าส้นสูง
14. ซ่อนเก้าอี้ซักผ้าตัวเล็กๆ ไว้ใต้โต๊ะ ไว้พักขา ยืดขาตอนเมื่อยๆ
15. เคลียร์โต๊ะทุกอาทิตย์ เคลียร์เอกสาร ทุก 2 อาทิตย์ เรามักจะใช้เวลา 1 ใน 3 ของวันในการหาของหรือเอกสารที่ต้องการใช้ ถ้าเรามีโต๊ะที่ยุ่งเหยิง หาอะไรไม่เคยเจอ ยิ่งหายิ่งเครียด หงุดหงิด ทำงานไม่ได้ดี หมอดูเห็นก็จะทำนายว่าชีวิตการงานจะยุ่งเหยิง...(แม่นแน่ๆ)
16. ปัดฝุ่นบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ก็ผลิตฝุ่นได้และมากอย่างที่เรานึกไม่ถึงด้วย วันละนิด วันละนิด
17. ลบเมล์ Delete ไฟล์ที่ไม่ใช้ใน Inbox ออกจากคอมพิวเตอร์บ้าง การทำงานจะง่ายขึ้น หาอะไรก็เจอ ความเครียดก็จะลดลง คล่องตัวขึ้น คอมพิวเตอร์ ก็เร็วขึ้นด้วย
18. Emergency Kit เพื่อความไม่ประมาท ควรมี 4 สิ่งนี้ติดลิ้นชักไว้เสมอ
* ผ้าอนามัย แค่สักชิ้นก็พอ เผื่อฉุกเฉิน
* แปรงสีฟัน+ยาสีฟัน+ควรใช้หลังอาหารเที่ยง หรือก่อนไปพบลูกค้า
* โรลออน หรือสเปรย์ระงับกลิ่นกายแบบแห้งเร็ว สำหรับวันไหนที่ร้อน และเหงื่อออกมากกว่าปกติ
* สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า ปกติอาจจะไม่มี แต่ถ้าวันนั้นเดินมาก และเจอรองเท้าคู่อับ ก็มีสิททธิ์ได้ออกมาใช้เหมือนกัน
19. ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีหรือเฮดเซ็ท สำหรับคนที่ต้องคุยโทรศัพท์ทั้งวัน เพราะถ้าคุณเอียงคอ หนีบโทรศัพท์เรื่อยๆ มีโอกาสหมอนรองกระดูกอาจจะเสื่อม
20. รักงาน รักเพื่อน ร่วมงาน ทัศนคติที่ดีกับการทำงานจะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น เหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ปัญหาทุกอย่างจะมีทางออกอยู่เสมอง เมื่อรู้สึกดีๆ กับงานที่ทำ กับคนที่ทำงานด้วยกัน ชีวิตจะเป็นสุข
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554
ศาลแพ่งธนบุรี
"ราชการไทย ใกล้ชิดประชาชน" ไม่เคยจะเชือเลย..คำนี้..แต่วันนี้ ศาลแพ่งธนบุรี ทำให้รู้ว่า..ราชการไทย ทำได้
เรื่องของเรื่องคือไม่ได้ไปติดต่อราชการนานมาก ๆ แล้ว วันนี้มีกิจจะต้องไปศาลแพ่งธนบุรี ทำให้รู้สึกดีมาก ๆ กับระบบการบริการประชาชนทีนี่ ทำให้รู้สึกว่าตาสีตาสาอย่างเรา ๆ ไปติดต่อที่ศาลได้โดยไม่สะดวก ได้รับการช่วยเหลือและแนะนำเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่จอดรถ แล้วหาหน่วยงานที่เราต้องการติดต่อไม่เจอ ก็ไปถาม พนักงานรักษาความปลอดภัย..โอ้โห..อื้งเลย..พี่แก่อะธิบายด้วยน้ำเสียยิ้มแย้มดีมาก ๆ แถมยังเดินนำเราไปจนเกือบถึงแผนกที่เราต้องการ..โห..แค่เริ่มก็ทำให้รักราชการไทยยุกต์ใหม่เลย...จากนั้นก็เดินดุ่ม ๆ เข้าไปติดต่อประชาสัมพันธ์ สอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องทำ ได้รับการช่วยเหลือที่ดีมาก ๆ เราพกไปแค่บัตรประชาชนกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันต้องเขียนคำขอในรูปแบบ..บลา ๆ ๆ เราก็ไม่รู้..ทางพนักงานประชาสัมพันธ์ ขอบัตรของผม และสอบถามรายละเอียดส่วนตัวนิดหน่อยแล้ว...พิมพ์คำขอให้..ผมแค่เซ็นต์อย่างเดียว..โอ้แม่เจ้า..ทำไม่บริการดีอย่างนี้..นี่ซิ..ราชการต้องเป็บอย่างนี้..ซึ่งในใบที่ให้ผมเซ็น..ถ้าให้ผมมาร่างเอง..ขอบอก..ผมคงทำไม่ได้ นี่ขนาดเรียนมาบ้างนะ..มันมีคำแบบ..แบบว่าเฉพาะทางกฎหมาย..ศัพท์แปลก ๆ...แล้วถ้าเป็นชาวบ้านตาสีตาสาไม่ตายเหรอ..ถ้าให้ร่างเอง...แต่นี่..ประทับใจมาก ๆ ช่วยเหลือทุกอย่างเลย..อีกทั้งหลังจากนั้นก็ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดีในการเดินเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่แผนกอืน ๆ ก็แนะนำทุกอย่างเป็นอย่างดี ด้วยความเป็นกันเอง..บอกเลยว่า..งานนี้ไม่มีบูดให้เห็น....อย่ากบอกว่า..ถ้าทำหน่วยงานทำได้อย่างนี้...ประชาชนรักตายเลย....ไหน ๆ ก็ไปถึงโน่นแล้วก็เก็บสาระมาฝากกันเล็กน้อย
การจัดการมรดก
บริการพิเศษศาลแพ่งธนบุรี
บริการให้คำปรึกษาและทำคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
ศาลแพ่งธนบุรี ให้การบริการพิเศษแก่ประชาชนที่ไม่สามารถจ้างทนายความได้ ในคดีขอตั้งผู้จัดการมรดา โดยจัดนิติกรให้คำแนะนำ ปรึกษาจัดทำคำร้องขอจัดการมรดก กรณีไม่มีผู้คัดค้านหรือไม่มีข้อพิพาท เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
เหตุใดจึงต้องมีคำร้องขอตั้งผุ้จัดการมรดก
เมือบุคคลถึงแก่ความตาย ทรัพย์มรดกของบุคคลซึ่งได้แก่ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่มีอยู่ก่อนถึงแก่ความตาย รวมทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบต่าง ๆ ตกทอดแก่ทายาท ในกรณีที่ทายาทของบุคคลนั้นไม่สามารถจัดการทรัพย์สินของผู้ตายได้ เช่น ธนาคารหรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง สำนักงานที่ดินไม่อาจเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้จัดการมรดกคือใคร
ผู้จัดการมรดก คือ บุคคลซึ่่งศาลมีคำสั่งให้เป็นผุ้จัดการมรดก เพื่อรวบรวมทำบัญชีและแบ่งมรดกให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก
คุณสมบัติของผู้จัดการมรดก
1.บรรลุนิติภาวะ
2.ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
2.ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต
3.ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความความสามารถ
4.ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
ผู้มีสิทธิยื่นขอจัดการมรดกต้องเป็น
1.ทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรม
2.ผู้มีส่วนได้เสียในมรดก
2.ผู้มีส่วนได้เสียในมรดก
3.พนักงานอัยการ
ศาลแพ่งธนบุรีให้บริการตั้งผู้จัดการมรดกในกรณีที่ผุ้ตายอยูในเขตอำนาจศาลแพ่งธนบุรี
1.เขตธนบุรี
2.เขตจอมทอง
3.เขตคลองสาน
4.เขตบางขุนเทียน
5.เขตบางบอน
6.เขตทุ่งครุ
7.เขตราษฏร์บูรณะ
7.เขตราษฏร์บูรณะ
8.เขตบางแค
9.เขตภาษีเจริญ
เอกสารที่ใช้ในการจัดการมรดก
1.หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ของผู้ร้องกับผู้ตาย เช่น
1.1 กรณี บุตร กับ บิตา/มารดา, บิดา/มารดา กับ บุตร
-ใบสำคัญการสมรส หรือ ใบสำคัญการหย่าของบิดามารดา
-สูติบัตรของผู้ร้อง หรือทะเบียนการรับรองบุตร หรือทะเบียนการับบุตรบุญธรรม
1.2 กรณีคู่สมรส
-ใบสำคัญการสมรสระหว่างผู้ร้องกับผู้ตาย
1.3 กรณีเป็นผู้รับพินัยกรรม หรือผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม
-พินัยกรรม
2.มรณบัตรของผู้ตาย
3.สำเนาทะเบียนบ้านผู้ตาย
4.หลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สิน เช่น โฉนดที่ดิน สมุดเงินฝาก สมุดคู่มือรายการจดทะเบียน รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์
5.บัญชีเครื่อญาติ
6.หนังสือแสดงความยินยอมของทายาท
6.หนังสือแสดงความยินยอมของทายาท
7.มรณบัตรของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกที่ถึ่งแก่ความตายก่อนผู้ตาย
8.หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชือและชื่อสกุลของผู้ร้องหรือผุ้ตายหรือทายาทผุ้มีสิทธิรับมรดก
ขันตอนการทำคำร้องขอจัดการมรดก
ปรึกษาให้คำแนะนำ-หลักฐานครบ-ทำคำร้อง-ชำระค่าธรรมเนียมศาลและกำหนดวันนัดไต่สวน-ศาลไต่สวนคำร้อง-ค่ารับรอง,ค่าถ่ายเอกสาร
นับแต่ได้ยื่่นคำร้องของเป็นผุ้จัดการมรดก ศาลจะนัดไต่สวนคำร้องภายใน 45 วัน ซึ่งในวันนัดผู้ร้องขอจัดการมรดกต้องมาศาลพร้อมกับพยาน (ถ้ามี) หลังจากไต่สวนเสร็จ ผู้ร้องขอคัดคำสั่ง โดยเจ้าหน้าที่รับรองสำเนาถูกต้อง และผู้ร้องขอจัดการมรดกนำคำสั่งศาลไปดำเนินการตามความประสงค์
ค่าใช้่จ่ายในการจัดการมรดก
1.ค่าใช้จ่ายในวันยื่นคำร้อง
-ค่าธรรมเนียมศาล 200 บาท
-ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ 500 บาท
2.ค่าใช้จ่ายในการไต่สวน
-ค่ารับรองสำเนา ฉบับละ 50 บาท
ลำดับในการไต่สวน
1.ความสัมพันธ์ระหว่างผุ้ร้องกับผู้ตาย เช่น ผู้ร้องหรือพยายเกี่ยวข้องกัน อย่างไรกับเจ้ามรดก
2.วันที่ผู้ตายถึ่งแก่ความตาย สาเหตุการตาย และภูมิลำเนาของผู้ตายก่อนถึงแก่ความตาย ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมหรือแต่งตั้งผุูัจัดการมรดกไว้หรือไม่
3.ทรัพย์มรดกของผุ้ตาย
4.เหตุขัดข้องในการจัดการมรดก
5.เรื่องบัญชีเครื่อญาติ
6.ความยินยอมของทายาท
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการจัดการมรดก
ทายาทโดยพินัยกรรม เป็นกรณีที่ผุ้ตายทำพินัยกรรมโดยระบุผู้รับมรดกและอาจระบุบุคคลใดให้เป็นผุ้จัดการมรดกก็ได้
ทายาทโดยธรรม เป็นกรณีที่ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้หรือทำพินัยกรรมไว้ แต่ไม่มีผลบังคับได้ทายาทโดยธรรม มี 6 ลำดับ ทายาทในลำดับตันมีสิทธิได้รับมรดกก่อนทายาทที่อยู่ลำดับหลัง
1.ผุ้สืบสันดาน (บุตร)
2.บิดา มารดา
3.พี่น้องร่วมบิดา มารดา เดี่ยวกัน
4.พี่น้องร่วมบิดา หรือมารดาเดียวกัน
5.ปู่ ย่า ตา ยาย
6.ลุง ป้า น้า อา
คู่สมรส เป็นทายาทโดยตรง มีสินธิได้รับส่วนแบ่งมรดกเหมือนเป็นทายาทชั้นบุตร และถ้าไม่มีทายาททั้ง 6 ลำดับแล้ว จะมีสิทธิได้รับมรดกทั้งหมด
ศาลที่ยื่นคำร้อง
ให้เสนอต่อศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลในขณะถึงแต่ความตาย ในกรณีที่เจ้ามรดกไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร ให้เสนอต่อศาลที่ทรัพย์มรดกอยู่ในเขตศาล
ศาลแพ่งธนบุรี
เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้
ศูนย์ให้บริการข้อมูลศาลแพ่งธนบุรี (ประชาสัมพันธ์) 0-2416-7196,0-2416-7243,0-2415-0040-44 ต่อ 207,343
ผู้อำนวยการ 0-2415-2949
งานการเงิน 0-2416-4090
งานบริการประชาชน (จัดการมรดก) 0-2415-4985
งานไกล่เกลื่่ย 0-2416-4519
งานรับฟ้อง 0-2415-4976
งานหน้าบัลลังก์ 0-2415-2373
งานนำหมาย 0-2415-4986
งานเก็บสำนวนคดีดำ 0-2416-7084
งานเก็บสำนวนคดีแดง 0-2415-0551
งานสารบบ 0-2416-4471
งานศูนย์ถ่ายเอกสาร 0-2415-2399
งานสารบรรณ 0-2415-1050
งานอุทรณ์-ฏีกา 0-2416-7101
ศาลแพ่งธนบุรี
เลขที่ 123 ถนนเอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร 10150
www.coj.go.th/civiltbc
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554
ประโยชน์ของเกลือ
ใครจะเชื่อ"เกลือ"คือยาชั้นเลิศ !!
ใครจะเชื่อ..เกลือคือยาชั้นเลิศ!!
เชื่อมั้ย..ว่าเรามียาดีประจำบ้านกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราคาดไม่ถึง และมองไม่ออกเท่านั้นเอง แหม..พูดมาซะขนาดนี้ หลายคนคงอยากจะรู้กันแล้วใช่มั้ย!!..ในขณะที่บางคนก็อาจจะรู้มาบ้างแล้ว..แต่ไม่เป็นไร เพราะวันนี้ เราตั้งใจจะนำมาเผยแพร่เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยนี้ ให้ผู้อ่านได้นำไปปฎิบัติในยามที่ป่วยไข้เบื้องต้น..
สิ่งวิเศษที่เป็นยาชั้นเลิศอยู่คู่บ้านใกล้ตัวคุณ ก็คือ .. " เกลือ"ชนิดที่เค็มๆ หาได้ตามห้องครัวบ้านเรานี่แหละ สำหรับอาการต่างๆที่ใช้เกลือช่วยบรรเทาได้ มีดังนี้
ไอ เพราะเป็นหวัด แค่เอาน้ำเปล่า 1 ถ้วย มาเหยาะเกลือลงไป 1 ช้อนชา คนเบาๆ จนกว่าเกลือจะละลาย แล้วใช้บ้วนปากกลั้วคอหลายๆ ครั้ง ความเค็มจะเข้าไปละลายเสมหะในลำคอ ทีนี้ก็ไม่ต้องไอให้คนข้างๆ รำคาญแล้ว
มึนหัว สมองไม่แล่น คนทำงานที่เจอแบบนี้อย่ารอช้า รีบรองน้ำอุ่นให้เต็มถัง หยอดเกลือลงไป 2-3 ช้อนชา แล้วเอามาอาบ รับรองว่าสมองจะโล่งคิดงานได้ปรู๊ดปร๊าด เพราะเกลือช่วยกระตุ้นให้เลือดลงไหลเวียนดี มีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง
เร่งให้อาเจียน ถ้าบังเอิญกินสารพิษเข้าไป หรืออึดอัดอาหารไม่ย่อย จนต้องทำให้อาเจียนออกมา ให้ดื่มน้ำเกลือเข้มข้นแก้วใหญ่ๆ ไม่นานจะได้อาเจียนสมใจ
คัดจมูก จะแค่คัดจมูกน้ำมูกไหล หรือลุกลามจนกลายเป็นโรคจมูกอักเสบก็ตาม ให้ใช้น้ำเกลือเจือจางหยอดเข้าไปในรูจมูกทั้งสองข้าง เกลือจะช่วยฆ่าเชื้อโรคในโพรงจมูก จะได้หยุดซี้ดซ้าดปาดน้ำมูกได้เสียที
คันตามผิวหนัง ทาบริเวณที่คันด้วยน้ำเกลือ เชื้อราบริเวณนั้นจะสิ้นฤทธิ์
โรคตาแดง โรคนี้มีเชื้อโรคเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง แต่สามารถปฐมพยายาบาลตัวเอง ก่อนถึงมือหมอได้ง่ายๆ ด้วยการเอาผ้าขนหนูสะอาดๆ (ถ้าต้มฆ่าเชื้อโรคก่อนได้ยิ่งดี) จุ่มน้ำเกลือแล้วเอามาเช็ดตา อาจจะแสบบ้างแต่นั่นล่ะคือยาดี หลังจากที่เกลือเข้าไปฆ่าเชื้อโรคในตาแล้ว ก็ล้างตาหลายๆ ครั้งด้วยน้ำสะอาด อาการบวมแดงมีขี้ตาของคุณจะทุเลาลง
แผลยุงกัด ถ้าใครถูกเจ้ายุงตัวร้ายมาขอบริจาคเลือดไป แถมยังทิ้งรอยแผลไว้เป็นที่ระลึก อย่ามัวแต่เกาให้เสียลุคส์ รีบๆ ใช้น้ำเกลือทาที่รอยแผล ไม่นานความคันจะหายไป และรอยบวมก็จะยุบเร็วด้วย
เคล็ดลับดีๆแบบนี้..รู้แล้วต้องบอกต่อ เป็นวิธีการง่าย
ใครจะเชื่อ..เกลือคือยาชั้นเลิศ!!
เชื่อมั้ย..ว่าเรามียาดีประจำบ้านกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราคาดไม่ถึง และมองไม่ออกเท่านั้นเอง แหม..พูดมาซะขนาดนี้ หลายคนคงอยากจะรู้กันแล้วใช่มั้ย!!..ในขณะที่บางคนก็อาจจะรู้มาบ้างแล้ว..แต่ไม่เป็นไร เพราะวันนี้ เราตั้งใจจะนำมาเผยแพร่เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยนี้ ให้ผู้อ่านได้นำไปปฎิบัติในยามที่ป่วยไข้เบื้องต้น..
สิ่งวิเศษที่เป็นยาชั้นเลิศอยู่คู่บ้านใกล้ตัวคุณ ก็คือ .. " เกลือ"ชนิดที่เค็มๆ หาได้ตามห้องครัวบ้านเรานี่แหละ สำหรับอาการต่างๆที่ใช้เกลือช่วยบรรเทาได้ มีดังนี้
ไอ เพราะเป็นหวัด แค่เอาน้ำเปล่า 1 ถ้วย มาเหยาะเกลือลงไป 1 ช้อนชา คนเบาๆ จนกว่าเกลือจะละลาย แล้วใช้บ้วนปากกลั้วคอหลายๆ ครั้ง ความเค็มจะเข้าไปละลายเสมหะในลำคอ ทีนี้ก็ไม่ต้องไอให้คนข้างๆ รำคาญแล้ว
มึนหัว สมองไม่แล่น คนทำงานที่เจอแบบนี้อย่ารอช้า รีบรองน้ำอุ่นให้เต็มถัง หยอดเกลือลงไป 2-3 ช้อนชา แล้วเอามาอาบ รับรองว่าสมองจะโล่งคิดงานได้ปรู๊ดปร๊าด เพราะเกลือช่วยกระตุ้นให้เลือดลงไหลเวียนดี มีเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง
เร่งให้อาเจียน ถ้าบังเอิญกินสารพิษเข้าไป หรืออึดอัดอาหารไม่ย่อย จนต้องทำให้อาเจียนออกมา ให้ดื่มน้ำเกลือเข้มข้นแก้วใหญ่ๆ ไม่นานจะได้อาเจียนสมใจ
คัดจมูก จะแค่คัดจมูกน้ำมูกไหล หรือลุกลามจนกลายเป็นโรคจมูกอักเสบก็ตาม ให้ใช้น้ำเกลือเจือจางหยอดเข้าไปในรูจมูกทั้งสองข้าง เกลือจะช่วยฆ่าเชื้อโรคในโพรงจมูก จะได้หยุดซี้ดซ้าดปาดน้ำมูกได้เสียที
คันตามผิวหนัง ทาบริเวณที่คันด้วยน้ำเกลือ เชื้อราบริเวณนั้นจะสิ้นฤทธิ์
โรคตาแดง โรคนี้มีเชื้อโรคเป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง แต่สามารถปฐมพยายาบาลตัวเอง ก่อนถึงมือหมอได้ง่ายๆ ด้วยการเอาผ้าขนหนูสะอาดๆ (ถ้าต้มฆ่าเชื้อโรคก่อนได้ยิ่งดี) จุ่มน้ำเกลือแล้วเอามาเช็ดตา อาจจะแสบบ้างแต่นั่นล่ะคือยาดี หลังจากที่เกลือเข้าไปฆ่าเชื้อโรคในตาแล้ว ก็ล้างตาหลายๆ ครั้งด้วยน้ำสะอาด อาการบวมแดงมีขี้ตาของคุณจะทุเลาลง
แผลยุงกัด ถ้าใครถูกเจ้ายุงตัวร้ายมาขอบริจาคเลือดไป แถมยังทิ้งรอยแผลไว้เป็นที่ระลึก อย่ามัวแต่เกาให้เสียลุคส์ รีบๆ ใช้น้ำเกลือทาที่รอยแผล ไม่นานความคันจะหายไป และรอยบวมก็จะยุบเร็วด้วย
เคล็ดลับดีๆแบบนี้..รู้แล้วต้องบอกต่อ เป็นวิธีการง่าย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)