ผ่านพ้นเดือนแห่งปีใหม่ไปเรียบร้อย นับจากนี้ไปคงเป็นเรื่องที่อยู่ในช่วงของการเตรียมตัวเปลี่ยนแปลงของนักเรียนมัธยมปลาย (ม.6) สู่รั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ
แนวทางการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปี 2551 นี้ ยังไม่ได้มีการเปลี่ยน ใด ๆ หากแต่ยังคงหลักเกณฑ์เดิมทุกประการ ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้น จะเริ่มใช้ในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในปี 2553 โดยมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบในการคัดเลือกผู้สมัครเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้ประกอบด้วย คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.ปลาย) หรือจีพีเอเอ็กซ์ คะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต และคะแนนแบบทดสอบความถนัด ซึ่งถือว่าเกณฑ์ที่ใช้ลดความเข้มข้นลงไปจากเดิมพอควร
สำหรับแนวโน้มที่เกิดขึ้น ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ชัด คือ รูปแบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย โดยเป็นไปในทิศทางที่มหาวิทยาลัย/สถาบันแต่ละแห่งจะดำเนินการรับสมัครนักศึกษาผ่านโครงการต่าง ๆ รับนักศึกษาด้วยตนเองมากขึ้น ทั้งนี้ เนื้อหาหลักสูตรและค่าเล่าเรียนอาจมีความแตกต่างกันไปตามต้นทุนในการผลิตบัณฑิตในแต่ละสาขาวิชาและมหาวิทยาลัย
ในขั้นตอนของการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนั้น โดยส่วนใหญ่หมายมั่นปั้นมือว่าตนเองต้องผ่านการคัดเลือกแน่ ในขณะที่ผู้สมัครอีกกลุ่มอาจเตรียมตัวเตรียมใจหาที่เรียนหรือมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ไว้สำรอง กันความพลาดหวัง ซึ่งถือเป็นสิ่งดีและพึงกระทำอย่างยิ่ง เพราะจะได้ไม่ต้องวิ่งรอกหาสถานที่เรียนใหม่ ทั้งนี้อย่างน้อยที่สุดยังมีมหาวิทยาลัยที่รับเข้าเรียนแน่นอน ไม่ต้องปวดหัวหรือเสียเวลา
ในการเลือกคณะวิชาในปีการศึกษา 2551 การเลือกคณะวิชาอาจไม่แตกต่างจากปีก่อน ๆ โดยบรรดาคณะวิชา/สถาบันในฝันคงอยู่ในกลุ่ม คณะแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและสารสนเทศ นิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ รวมไปถึงคณะนิติศาสตร์หรือคณะรัฐศาสตร์ และจำนวนผู้สมัครคงจะมีปริมาณที่มากเช่นเคย และอัตราการการแข่งขันย่อมอยู่ในสัดส่วนที่สูง ดังนั้น หากผู้ที่มีคะแนนสอบไม่สูงมาก เมื่อทดสอบกับโปรแกรมคำนวณการสมัครของปีที่ผ่านมา ควรเลี่ยงหรือเลือกคณะวิชา/สถาบันอื่น ๆ รองรับไว้ด้วยน่าจะช่วยได้มาก
การไม่ผ่านคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย มิใช่สิ่งที่จะมากำหนดความสำเร็จของชีวิตในอนาคตแท้จริงแต่ประการใด หากแต่ถือเป็นเกมหรือจังหวะหนึ่งของชีวิตที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ในขณะที่เราก็สามารถเติบโตหรือก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างมากมายเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่า เรากำหนดชีวิต หรือเราเลือกเส้นทางของชีวิตไว้อย่างไร
นอกเหนือจากการสมัครเข้าเรียนผ่านระบบแอดมิสชั่นส์หรือระบบกลาง รวมถึงโครงการพิเศษต่าง ๆ แล้ว ทางเลือกอื่น ๆ อาทิ สถาบันหรือมหาวิทยาลัยเอกชนที่ยังคงเปิดรับนักศึกษาอีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยในต่างประเทศที่สามารถเลือกเรียนได้อีกมากเช่นเดียวกัน โดยการไปศึกษาต่อต่างประเทศยังจะเป็นการเพิ่มทักษะทางภาษาได้ดีอีกด้วย โดยในปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาต่างประเทศจำนวนมากเปิดรับนักศึกษา ซึ่งในบางประเทศมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากนัก โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ใกล้กับเรา ในขณะที่มาตรฐานการศึกษาอยู่ในระดับที่สูงหรืออาจดีกว่าในบางด้านอีกด้วย
ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้น อย่าคิดแต่เพียงว่า การผ่านการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนั้นถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของชีวิต เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว การผ่านการคัดเลือกดังกล่าวถือเป็นเพียงก้าวแรกของความสำเร็จบางด้านหรือบางตอนเท่านั้น ในขณะที่หนทางข้างหน้าที่ต้องเจอะเจอยังมีอีกยาวไกล โดยช่วงเวลา 4 หรือ 5 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยถือเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก มีข้อดีมากมายสำหรับทุกคนที่มีโอกาสเหล่านั้นที่จะกอบโกยประสบการณ์ทุกอย่างได้ชนิดที่อาจกล่าวได้ว่า มีครบทุกรส ทั้งสุข เศร้า สมหวัง ร้องไห้ ดีใจ ซึ่งถือว่าดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุดในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
สำหรับการสอบโอเน็ต มีข้อควรระวังหลายประการ เช่น การกรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อ นามสกุล เลขที่นั่งสอบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝนกระดาษคำตอบ แม้แต่การฝนกระดาษคำตอบ หรือการระบายคำตอบ ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น การเข้าสอบจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ปรากฏทั้งในกระดาษคำตอบและแบบทดสอบอย่างเคร่งครัด
ในขณะที่หากเกิดข้อสงสัยในการสอบ หรือปัญหาไม่ว่ากรณีใด ๆ การสอบถามจากกรรมการหรือผู้ควบคุมห้องสอบ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำข้อสอบ และช่วยขจัดข้อข้องใจ ช่วยลดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นได้ ในขณะที่การคิดแก้โจทย์ข้อสอบน่าจะราบรื่นไปด้วย
ปัญหาที่เกิดขึ้นมีค่อนข้างบ่อย มาจากการความไม่รู้หรือไม่อ่านคำสั่งที่ปรากฏในแบบทดสอบอย่างละเอียด และผลของความประมาทที่ว่านี้ส่งผลต่อการสมัครคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในเวลาต่อมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น