วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ไปบริจาคเลือดกันดีกว่า
ผุ้ที่จะสามารถบริจาคโลหิตได้ตามมาตรฐานของสภากาชาดไทยต้องมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป อายุระหว่าง 17-60 ปี ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องไม่เกิน 55 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ไม่อยุ่ในระยะให้นมบุตร คลอดบุตร หรือแท้งบุตร ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่ท้องเสีย ท้องร่วงภายใน7วันที่ผ่านมา ฯลฯ ซึ่งจะมีการกรอกแบบสอบถามก่อนบริจาค ดังนั้นจึงควรตอบตามความเป็นจริงนะครับ
การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชัวโมงต่อเนื่อง ในเวลาปกติคือก่อนวันบริจาค
รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสุง และยาธาตุเหล็กเพิ่ม
รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากจะทให้สีของพลาสมาผิดปกติเป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้
ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่นน้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาหารแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศรีษะภายหลังบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาค
งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังบริจากโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี
หลังบริจาคโลหิตควรปฏิบัติตังนี้
ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1-2 วัน
หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมาก ๆ งดใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ รวมถึงการหิ้วของหนักเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังการบริจาค
ถ้ามีอาการเวียนศรีษะคล้ายจะเป็นลม หรือรู้สึกผิดปกติ ให้รีบนั่งก้มศรีษะต่ำระหว่างเข่า หรือนอนราบยกเท้าสูงจะกระทั่งมีอาการปกติจึงลุกขึ้น และเดินทางกลับ ป้องกันอุบัติเหตุจากการล้ม
ถ้ามีโลหิตซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล อย่าตกใจ ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อซ กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่รับบริจาคเพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล
ผุ้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่านที่สุง หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพัก 1 วัน
รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงและยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละอย่างน้อย 1 เม็ด จนหมดเพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552
โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
วันบริพัตร
วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ไวรัสตัวจริง (real virus) ตัวแรกที่พบบนแพลตฟอร์ม Mac OS X
บริษัทแอนตี้ไวรัสประกาศว่าสามารถตรวจจับไวรัสที่มุ่งจู่โจมคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ซึ่งทำงานด้วยระบบปฎิบัติการแมคโอเอสเอ็กซ์ (Mac OS X) ของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ได้แล้ว สร้างความฮือฮาเนื่องจากไวรัสดังกล่าวถือเป็นไวรัสตัวแรกที่มุ่งโจมตีแพลตฟอร์มการทำงานคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ชี้ให้เห็นว่าความเสี่ยงต่อภัยคุกคามไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์อีกต่อไป
ไวรัสตัวแรกที่จ้องเล่นงานระบบปฏิบัติการแมคโอเอสเอ็กซ์ของแอปเปิลตัวนี้ถูกเรียกว่า OSX/Leap-A ซึ่งเป็นชื่อที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของบริษัทโซโฟส (Sophos) บริษัทแอนตี้ไวรัสชื่อดัง
โซโฟสระบุว่า ไวรัสดังกล่าวแพร่กระจายโดยอาศัยโปรแกรมไอแชท (iChat) โปรแกรมส่งข้อความสนทนาหรือไอเอ็ม (instant messaging) บนแมคโอเอสเท็น ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมเอไอเอ็ม (AIM) โปรแกรมแชทยอดฮิตจากอเมริกาออนไลน์ (America Online)
ไวรัส Leap-A จะส่งต่อตัวเองออกไปในรูปของไฟล์ชื่อ latestpics.tgz โดยจะส่งให้กับรายชื่อคอนเทคที่อยู่ในรายการที่เก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสตัวนี้เข้าไป
ที่ผ่านมา โปรแกรมไวรัสเหล่านี้มักจะมุ่งโจมตีระบบปฏิบัติการที่มีการใช้งานแพร่หลายมากๆอย่างเช่นระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) หรือโปรแกรมอื่นๆของไมโครซอฟท์ (Microsoft Corp.) เนื่องจาก จำนวนการใช้งานวงกว้างจะสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้พัฒนาไวรัส เพราะช่วยเพิ่มโอกาสและช่องทางในการแพร่กระจายได้มาก ซึ่งการสำรวจพบว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้นถูกใช้ในเครื่องพีซีมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก
"ไวรัสระบบปฏิบัติการแมคโอเอสเอ็กซ์ตัวแรก เป็นตัวอย่างสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า ไวรัสและมัลแวร์ไม่พึงประสงค์ต่างๆเริ่มมุ่งไปที่ระบบปฏิบัติการรายอื่นแล้วในขณะนี้" วินเซ็นต์ วีเฟอร์ (Vincent Weafer) ประธานอาวุโสของบริษัทแอนตี้ไวรัสไซแมนเทค (Symantec) ให้ความเห็น
วีเฟอร์อธิบายว่า ไวรัส Leap-A ไม่สามารถจู่โจมคอมพิวเตอร์แมคอินทอชได้แบบอัตโนมัติ โดยจะต้องรอให้เจ้าของเครื่องคลิกรับไฟล์ที่ส่งมาก่อน จึงจะสามารถเข้าสู่คอมพิวเตอร์ดังกล่าว
ด้านเกรแฮม คลูลีย์ (Graham Cluley) ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเทคโนโลยีของโซโฟส มองว่า Leap-A จะเป็นการยืนยันว่า ภัยคุกคามบน Mac OS X เป็นเรื่องจริง
"นี่คือไวรัสตัวจริง (real virus) ตัวแรกที่พบบนแพลตฟอร์ม Mac OS X ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แมคอินทอชบางรายเชื่อว่า ระบบปฏิบัติการแมคโอเอสเอ็กซ์ไม่มีทางที่จะติดไวรัสได้ แต่ Leap-A จะทำให้พวกเขาเห็นว่า แมคโอเอสเอ็กซ์ติดไวรัสได้จริงๆ”
ไซแมนเทคจัดอันดับความร้ายแรงให้ไวรัสแมคอินทอชตัวแรกนี้ที่เลเวล 1 (Level 1) ซึ่งเป็นอันดับร้ายแรงน้อยที่สุด จากทั้งหมด 5 เลเวล
ไวรัส Leap-A ได้เริ่มแพร่กระจายออกไปหลังจากที่สมาชิกในเว็บบอร์ดกลุ่มผู้ใช้แมคอินทอชหรือ Mac user forum ถูกหลอกให้คลิกไฟล์แฝงไวรัส ซึ่งมีการโพสต์หลอกลวงว่าเป็นลิงค์แสดงรูปหน้าจอ (screenshot) ของแมคโอเอสเอ็กซ์เวอร์ชันใหม่ Leopard Mac OS X 10.5 โดยยังไม่มีรายงานความเห็นใดๆจากตัวแทนของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ในขณะนี้
ความแตกต่างระหว่าง http:// กับ https://
สังเกตง่ายๆ ดูที่เว็บไซด์ที่ทำการกลอกข้อมูลส่วนตัวลงไปนั้นเป็น http:// หรือ https://
โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
เลี้ยงลูกด้ายนมแม่
สุดยอดอาหารล้างพิษ
เป็นพืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้าม คุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill University ที่ Montreal แสดงผลว่าสาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกาย
ในปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆ จากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้น และสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก
หัวหอม
ประกอบไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบ โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรค เบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่
มะนาว
เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย
เมล็ดแฟลกซ์
ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น อย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น
กระเจี๊ยบ
น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความ สะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้
ทับทิม
ตำราแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามรถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้ เนื่องจากในทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ ปวด ช่วยล้าง พิษลด การติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย และลดอาการอักเสบ สำหรับผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิม เพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
พืชตระกูลถั่ว
(เช่นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว) จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย พืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
ขึ้นฉ่าย
ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความ สะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิต สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควัน บุหรี่ด้วย
แครอท
เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ( Alpha and Beta-carotene ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ วิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาท สายตา ผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ และจากการวิจัยพบว่าสารในแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็ง และช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจ และหัวใจแข็งแรงขึ้น
มะเขือพวง
คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภท ผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิ และน้ำพริก สมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วย ใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้าง แกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือ และคนก็เลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อน มะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย
ส้มโอ หรือเกรปฟรุต
เป็นผลไม้รสชาติดีที่ได้รับ ความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อ ร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
กระเทียม
จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึง คุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือ การกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย
บลูเบอร์รี่
เป็นผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์ สูงมากชนิดหนึ่งและถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรค เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการระคายเคือง สารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
กะหล่ำ
เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูล อิสระ ( Antioxidant ) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ พืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และกะหล่ำปม ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย
บีตรูต
ผักสีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผัก มหัศจรรย์ซึ่งเประกอบไปด้วยไฟโรเคมีคอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ทำความสะอาดตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ส่งเสริมให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรด-ด่าง ในเลือดให้สมดุลด้วย
อะโวคาโด
อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน( Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( Universityof Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ ได้กิน และมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
ตำลึง
ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้ว หาง่าย และราคาไม่แพงนี้ ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อยๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าแกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบ และมีหมูสับเต็มไปหมด ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย
แอปเปิล
ประกอบไปด้วยเพกตินสูง เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมอง นี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเบิลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้
อัลมอนด์
เป็น ถั่วที่มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แม้จะมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกาย ในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึง ควรกินอัลมอนด์ นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่า ไฮโปไกลซีเมีย( Hypoglycemia ) จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรง คิดอะไรไม่ออก
กล้วย
มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรง แก่กระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกิออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเปลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย