วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อย่าเชื่อสิ่งเหล่านี้อีกเลย : สวนก้นเพื่อทำดีท็อกซ์ (DETOX)

คำว่า De- เมื่อเติมหน้าคำใดมักหมายถึง ทำให้ลดลง ส่วนคำว่า Tox ย่อมาจาก Toxication ซึ่งแปลว่า การทำให้เกิดพิษ ดังนั้นเมื่อรวมกัน คือ Detoxication หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Detox นั้น จึงแปลว่า การทำให้พิษน้อยลง

ปัจจุบันเราอยู่ในยุคของการใช้สารเคมีมากมาย แต่ละวันทุกคนอาจได้รับสารเคมีต่าง ๆ ทั้งจากอาหาร น้ำดื่มและการหายใจ ซึ่งอาจทำให้เราได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายโดยไม่รู้ตัว เช่น อาหารที่ผ่านการย่างหรือการทอดที่อาจมีสารเคมีปนเปื้อน หรือยาฆ่าแมลงก็อาจทำให้เกิดพิษภายในลำไส้ได้ ลำไส้ของมนุษย์จึงเป็นแหล่งรับสารเคมีมากมายในแต่ละวัน หลังจากที่สารเคมีเจือปนในน้ำและอาหารที่เรารับประทานถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะมีบางส่วนหรือบางชนิดที่ไม่ถูกดูดซึมก็จะถูกขับถ่ายออกมากับอุจจาระ

ลำไส้ใหญ่ คือส่วนปลายของลำไส้ ซึ่งโดยปกติจะยาว 1 เมตรกว่า จะเป็นบริเวณที่ดูดซึมน้ำเกลือแร่บางชนิดและกำจัดของเสียออกมา โดยที่ของเสียนั้นจะถูกถ่ายออกมาเป็นก้อน ในขณะที่น้ำและเกลือแร่ที่จำเป็นจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย นอกนจากนี้ภายในลำไส้ใหญ่จะมีแบคทีเรียมากมาย หลายชนิดจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยย่อยกากอาหารที่หลงเหลือยู่ให้เป็นกรดไขมันตัวเล็ก โดยกรดไขมันเหล่านี้จะเป็นอาหารบำรุงลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้แบคทีเรียชนิดดีเหล่านี้ยังมีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ลำไส้ และจำกัดการเติบโตของแบคทีเรียชนิดร้าย ที่อาจจะปะปนมาในอาหาร แบคทีเรียชนิดดีและกรดไขมันตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ทำให้ลำไส้ใหญ่แข็งแรง และทำให้อุจจาระนุ่มจึงช่วยป้องกันโรคท้องผูกได้ การถ่ายอุจจาระ อย่างสม่ำเสมออาจจะวันละ 1 – 2 ครั้งก็จะช่วยทำให้สารเคมีที่ปะปนในอาหารไม่ตกค้างในลำไส้ จึงทำให้ลำไส้สะอาด และมีสุขภาพดีตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อให้ลำไส้ใหญ่แข็งแรง ในแต่ละมื้อจึงควรมีกากอาหารหรือใยอาหารหลงเหลือมาที่ลำไส้ใหญ่เสมอ การรับประทานผักและผลไม้เป็นส่วนประกอบในอาหารทุกมื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นแหล่งอาหารที่ช่วยบำรุงลำไส้เป็นอย่างดี

ส่วนการรับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวก็เป็นการให้แบคทีเรียชนิดดีแก่ลำไส้ และควรมีกากอาหารตามลงไปด้วย ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียชนิดดี เหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งจะพบได้เสมอว่า เมื่อรับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวแล้ว มักจะทำให้ถ่ายอุจจาระได้คล่องในวันถัดมา

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ การทำให้ลำไส้ใหญ่แข็งแรง มีการถ่ายอุจจาระที่ไม่แข็งเกินไป และมีการขับถ่ายทุกวัน

ในปัจจุบันมีบางคนได้แนะนำการสวนก้น หรือสวนทวาร เพื่อให้อุจจาระที่ค้างคาในลำไส้ใหญ่ออกมา โดยอาจจะผสมสารบางอย่างเข้าไปในของเหลวที่ใช้สวนก้น เช่น กาแฟ แล้วเรียกการสวนก้นนี้ว่า ดีท็อกซ์ (Detox) การทำเช่นนี้ไม่มีส่วนในการดีท็อกซ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ถ้าเรารับประทานอาหารที่มีสารเจือพิษเจือปน สารพิษนั้นมักจะถูกดูดซึมก่อนจะถึงลำไส้ใหญ่ ถ้าเราต้องการให้อุจจาระออกมาโดยไม่ตกค้าง ก็ควรรับประทานอาหารที่มีกากาใยอาหารให้มาก และพยายามทำให้ลำไส้ใหญ่มีแบคทีเรียชนิดดีจำนวนมาก

การสวนก้นที่เรียกว่า ดีท็อกซ์นี้ มีผลเสียคือ จะชำระล้างเอาแบคทีเรียชนิดดีออกจากลำไส้ใหญ่ และส่งเชื้อโรคชนิดร้ายเข้าสู่ลำไส้ใหญ่แทน จึงให้ผลตรงกันข้ามกับที่ต้องการ คือ ทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบจากการมีแบคทีเรียชนิดร้ายมากขึ้น และมีแบคทีเรียชนิดดีลดลง และเมื่อทำบ่อย ๆ ก็จะทำให้เป็นคนท้องผูก อุจจาระแข็ง และลำไส้ใหญ่ไม่แข็งแรง เนื่องจากไม่มีแบคทีเรียชนิดดีมาย่อยกากอาหารให้เป็นกรดไขมันตัวเล็ก ๆ ที่เป็นอาหารของลำไส้ใหญ่

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ไม่ควรสวนทวารเพื่อเป็นการดีท็อกซ์ เพราะการสวนทวารจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่ายที่มีอาการท้องผูกมาก จนไม่สามารถเบ่งอุจจาระออกมาได้ การทำดีท็อกซ์ที่ดีที่สุด คือการรับประทานอาหารที่ปรุงสะอาด มีผักและผลไม้เกือบทุกมื้ออาหาร โดยอาจจะรับประทานนมเปรี้ยวเสริม และควรถ่ายอุจจาระทุกวัน อาจจะวันละ 1 – 2 ครั้ง

ผลไม้ต่างจากผักตรงที่มีน้ำตาลตัวเล็ก หลายชนิด และควรรับประทานในรูปของผลไม้ไม่ใช่น้ำผลไม้ เพราะกากใยของผลไม้จะเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดี ผลไม้บางชนิดจะช่วยระบายได้ดีกว่าผลไม้อื่น เช่น มะขาม ส้มโอ ลูกพรุน องุ่น และแอปเปิ้ล ในทางตรงกันข้าม ผลไม้บางชนิด อาจจะทำให้ท้องผูกได้ เช่น กล้วย การตอบสนองของลำไส้ของแต่ละคนกับผลไมแต่ละชนิดนั้นจึงต้องลองรับประทานดูเองว่า ลำไส้ของคุณเหมาะกับผลไม้ชนิดใด ส่วนผักชนิดต่าง ๆ จะให้กากใยอาหารและบางชนิดอาจให้กากใยอาหารเล็ก ๆ ที่เรียกว่า พรีไบโอติคส์ ซึ่งเป็นอาหารที่ดีของแบคทีเรียชนิดดี จึงควรรับประทานผักทั้งหมด ไม่ใช่น้ำผักที่มีขายอยู่ เพราะในน้ำผักจะทิ้งส่วนดี คือกากใยอาการไปหมดแล้วนั่นเอง

แรงโฆษณาที่หลายโรงพยาบาลประกาศทำดีท็อกซ์ เพื่อชำระร่างกายจึงไม่มีหลักฐานที่ดีที่สนับสนุนว่า จะช่วยลำไส้ใหญ่แต่อย่างใด การทำเช่นนี้นอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังทำให้ลำไส้ใหญ่อ่อนแอ และส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น