วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

รู้ก่อนสอบ Admission 2553

Admission ที่เราเรียกกันติดปาก จริงๆก็คือ ระบบกลางการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (CentraI University Admissions System : CUAS) ที่ใช้ทำการคัดเลือกบุคคล (น้องๆนักเรียน) เข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา เริ่มใช้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 แทนการสอบเอ็นทรานซ์ในสมัยก่อนนั่นเอง

ปัจจุบัน การสอบ Admission ปีการศึกษา 2553 นี้ ได้มีเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอีก ในปี้นี้องค์ประกอบหลักๆที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย มีดังนี้



1) GPAX 6 ภาคเรียน

20 %

2) O-NET (8 กลุ่มสาระ)

30 %

3) GAT

10-50 %

4) PAT

0-40 %

รวม

100 %

GPAX ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร มัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า คือ คะแนนเฉลี่ยระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่ใช้ในระบบแอดมิชชั่น GPAX จะคิดค่าเฉลี่ยรวมของทุกภาคเรียนครั้งเดียวตั้งแต่ม.4-6 โดยไม่แบ่งเป็นเทอมหรือภาคการศึกษา ไม่ได้คิดผลการเรียนเฉลี่ยเป็นรายวิชา คิดผลการเรียนของทุกวิชาพร้อมกัน

O-NET
(Ordinary National Educational Test) เป็นการสอบวัดความความรู้ขั้นพื้นฐานใน 6 ภาคการศึกษาของนักเรียน ชั้น ป.3 ป.6 ม.3 และ ม.6 ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย 8 กลุ่มวิชา สำหรับผู้ที่จะจบ 1 ช่วงชั้น เท่านั้น ผู้เข้าสอบจึงหมายถึง นักเรียน ชั้น ป.3 ป. ม.3 และ ม.6 วิธีการ นักเรียนไม่ต้องสมัคร ทุกคนมีสิทธิ์สอบ ไม่เสียค่าใช้จ่าย โรงเรียนเป็นผู้ดำเนินการ

GAT
(General Aptitude Test) หรือความถนัดทั่วไป คือ การวัดศักยภาพในการเรียนในมหาวิทยาลัยให้ประสบความสำเร็จ แยกได้ 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 คือ ความสามารถในการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์ และแก้โจทย์ปัญหา 50%
ส่วนที่ 2 คือ ความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ 50%

PAT
(Professional and Academic Aptitude Test) หรือความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ คือ ความรู้ที่เป็นพื้นฐานที่จะเรียนต่อในวิชาชีพนั้น ๆ กับศักยภาพที่จะเรียนในวิชาชีพนั้นๆ ประสบความสำเร็จ มี 7 ประเภท คือ

PAT 1
ได้แก่ ความถนัดทางคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. ความรู้ในวิชาคณิตศาสตร์ พีชคณิต เรขาคณิต Calculus สถิติ ฯลฯ
2. ความถนัดในการเรียนคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัยให้ประสบความสำเร็จ เช่น การคิดแบบนักคณิตศาสตร์ การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ การอ่านเรื่องทางคณิตศาสตร์แล้วเข้าใจแก้ปัญหาตามกระบวนการคณิตศาสตร์ เป็นต้น


PAT 2
ได้แก่ ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์ที่จะเรียนในคณะวิทยาศาสตร์และคณะอื่นที่เกี่ยวข้องได้ เช่น ความรู้ในเรื่องเคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ earth science, ICT เป็นต้น
2. ความถนัดในการเรียนวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยประสบผลสำเร็จ เช่น การคิดแบนักวิทยาศาสตร์ การแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ


PAT 3
ได้แก่ ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. ความรู้พื้นฐานที่จะเรียนต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์สำเร็จ เช่น ความรู้ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เป็นต้น
2. ความถนัดในการเรียนวิศวกรรมในมหาวิทยาลัยประสบความสำเร็จ เช่น การคิดแบบวิศวกร การแก้ปัญหาทางวิศวกรรม เป็นต้น


PAT 4
ได้แก่ ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. ความรู้พื้นฐานที่จะเรียนต่อในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์สำเร็จ เช่น ความรู้ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปกรรม ฯลฯ
2. ความถนัดในการเรียนในคณะสถาปัตย์ในมหาวิทยาลัยประสบความสำเร็จ เช่น การมองเห็นภาพ 3 มิติในใจ และการออกแบบ ฯลฯ


PAT 5
ได้แก่ ความถนัดทางครู ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. ความรู้พื้นฐานที่จะเรียนต่อในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์สำเร็จ เช่น ความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฯลฯ
2. ความถนัดในการเรียนในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์สำเร็จ หรือแววในการจะเป็นครู เช่น ความสามารถในการแสวงหาความรู้ ทักษะสื่อสารรู้เรื่อง ฯลฯ


PAT 6
ได้แก่ ความถนัดทางศิลปะ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. ความรู้ในทฤษฎีทัศนศิลป์ นาฏศิลป์ ดนตรี และความรู้อื่นที่เป็นพื้นฐานที่จะเรียนในคณะศิลปกรรมหรือที่เกี่ยวข้องประสบความสำเร็จ
2. ความถนัดในการเรียนศิลปะ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ


PAT 7
ได้แก่ ความถนัดในการเรียนภาษาต่างประเทศ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. ความรู้เรื่องไวยากรณ์ หลักภาษา วรรณกรรม วรรณคดี ฯลฯ
2. ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน สรุป ย่อความขยายความ สังเคราะห์ วิเคราะห์ ฯลฯ

PAT 7 มี 6 ภาษา คือ

ก) ภาษาฝรั่งเศส
ข) ภาษาเยอรมัน
ค) ภาษาญี่ปุ่น
ง) ภาษาจีน
จ) ภาษาบาลี
ฉ) ภาษาอาหรับ



กลุ่มที่

กลุ่มสาขาวิชา

GPAX

O-NET

GAT

PAT

รวม

1.

กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ
1.1 เภสัชศาสตร์ สหเวชศาสตร์
สาธารณสุขศาสตร์ เทคนิคการแพทย์
วิทยาศาสตร์การกีฬา พลศึกษา และสุขศึกษา


20%

30%

20%

P2 30%

100%
1.2 ทันตแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์
20%

30%

30%

P2 20%

100%

2.
กลุ่มวิทยาศาสตร์กายภาพ
2.1 วิทยาศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยีสารสนเทศ

20%

30%

10%

P1 10%
P2 30%


100%

3.
กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์
20%

30%

15%

P2 15%
P3 20%


100%

4.
กลุ่มสถาปัตยกรรมศาสตร์
20%

30%

10 %

P4 40%

100%

5.
กลุ่มเกษตรศาสตร์
เกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร วนศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตร

20%

30%

20 %

P1 10%
P2 20%


100%

6.

กลุ่มบริหาร พาณิชยศาสตร์ การบัญชี การท่องเที่ยวและโรงแรม และเศรษฐศาสตร์
6.1 บริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์ การบัญชีเศรษฐศาสตร์



20%


30%


30 %


P1 20%



100%
6.2 การท่องเที่ยว และโรงแรม
แบบที่ 1
แบบที่ 2


20%
20%



30%
30%



50 %
40%


-
P7 20%



100%
100%

7.
กลุ่มครุศาสตร์ / ศึกษาศาสตร์
20%

30%

20 %

P5 30%


100%

8.
กลุ่มศิลปกรรม ดุริยางคศิลป์ และนาฏยศิลป์ วิจิตรศิลป์ ศิลปะประยุกต์ ดุริยางคศิลป์และนาฏยศิลป์
20%

30%

10 %

P6 40%


100%

9.
กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมวิทยา สังคมสงเคราห์ศาสตร
รูปแบบที่ 1 พื้นฐานวิทยาศาสตร์
20%

30%

40 %

P1 10%


100%
รูปแบบที่ 2 พื้นฐานศิลปศาสตร์
แบบที่ 1
แบบที่ 2


20%
20%



30%
30%



50 %
40%


-
10%



100%
100%

สรุป
คือ GAT เป็นการสอบที่ไม่ยึดติดกับความรู้ในวิชา แต่เป็นการวัดความสามารถในการเรียนที่ได้รับการฝึกฝนมา แล้วดึงทักษะต่างๆ มาใช้ในการสอบ ส่วน PAT เป็นการสอบที่เน้นความรู้ ความตั้งใจในเรียนในชั้นเรียน การทบทวน ความรู้ที่ใช้สอบจึงเป็นความรู้ที่ได้รับจากการเรียนในห้องเรียน


อ้างอิง สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (www.cuas.or.th)
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (www.niets.or.th)

http://www.vcharkarn.com/vstudent/2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น