ไม่มีคลอเลสเตอรอล สกัดทำเครื่องสำอางได้
แมคคาเดเมียไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดแถบประเทศออสเตรเลีย ถึงแม้ว่าจะมีอยู่ด้วยกัน 10 ชนิด แต่ที่สามารถบริโภคได้มีแค่ 2 ชนิดเท่านั้น เป็นพืชที่ปลูกได้ในอุณหภูมิระหว่าง 9 องศาเซลเซียส และสูงสุดไม่เกิน 32 องศาเซลเซียส ต้องการน้ำและดินที่อุดมสมบูรณ์ ร่วนซุย ระน้ำได้ดี พบว่าปลูกได้ผลดีที่ดอยมูเซอ จังหวัดตาก เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และภูเรือ จังหวัดเลย
แมคคาเดเมียยังเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ เป็นการสร้างอาชีพให้ชาวเขาอย่างยั่งยืน เพราะกว่าจะให้ผลิตจำหน่ายได้ครั้งแรกใช้เวลาประมาณ 7-10 ปี แต่อายุยืนถึง 100 ปี อีกทั้งยังเป็นการพลิกฟื้นผืนป่าให้สมบูรณ์คืนมาอีกครั้ง
เมล็ดแมคคาเดเมียมีประโยชน์หลายอย่าง กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงจึงช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้ ไม่มีคลอเลสเตอรอล ยังสามารถสกัดน้ำมันเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางได้ ช่วยเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นและความลื่นแก่ผิว นอกจากนั้นเปลือกของเมล็ดยังสามารถนำมาเผาเป็นถ่านช่วยดูดกลิ่นและจับอนุมูล อิสระได้ดีอีกด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ รศ.ดร. จิตต์ลัดดา ศักดาภิพาณิชย์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล และทีมงานได้คิดค้นถ่านเพื่อสุขภาพจากแมคคาเดเมียซึ่งมีกรรมวิธีการผลิตที่ แตกต่างจากการผลิตถ่านทั่วไป โดยเริ่มเผาเปลือกแมคคาเดเมียที่อุณหภูมิต่ำนาน 4 ชั่วโมง และค่อยๆ เพิ่มความร้อนขึ้นจนถึง 1,000 องศาเซลเซียส นาน 1 วัน ด้วยกรรมวิธีนี้ทำให้ขจัดความชื้นและสารอินทรีย์ต่างๆ ออกได้หมดจึงคงเหลือไว้แต่ธาตุคาร์บอนและแร่ธาตุเท่านั้น
ถ่านแมคคาเดเมียที่ได้จากการเผาด้วยกรรมวิธีนี้จะให้ประโยชน์หลายอย่าง ซึ่งนอกจากการดูดกลิ่นอับชื้นและสารพิษต่างๆ แล้ว ยังสามารถใช้ทำน้ำแร่สำหรับดื่มได้ด้วย เพราะประกอบไปด้วยแร่ธาตุเหมือนน้ำแร่ธรรมชาติ อีกทั้งถ่านชนิดนี้สามารถสร้างประจุลบและปล่อยรังสีอินฟราเรดยาว ช่วยป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากทีวี คอมพิวเตอร์ และไมโครเวฟ
นอกจากนี้รังสีอินฟราเรดยาวที่ค่อยๆ แผ่ออกมา เมื่อนำมาวางใกล้ตัวจะกระตุ้นการทำงานของระบบหมุนเวียนโลหิตทำให้ร่าง กายอบอุ่น ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น นอนหลับง่าย
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากถ่านแมคคาเดเมียที่ทางทีมวิจัยได้จัดจำหน่าย เช่น ผ้าคลุมไหล่ ผลิตจากผ้าไหมและเส้นใยถ่านแมคคาเดเมีย สนับข้อเท้าเพื่อสุขภาพ สบู่เหลว เป็นต้น จากเปลือกที่เคยเป็นของทิ้ง ถูกนำไปเผาเป็นแค่ถ่านธรรมดา เมื่อมีการศึกษาวิจัยทำให้เกิดมูลค่ากลายเป็นถ่านที่มีประโยชน์หลากหลาย และในอนาคตจะมีการนำมาพัฒนาถึงขั้นทำเป็นถุงเท้าเพื่อใช้รักษาโรคต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของ
สสส. และ วิชาการดอทคอม
ที่มา www.thaihealth.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น