วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อยู่อย่างแข็งแรงและมีคุณภาพถึงอายุ 140 ปี มีทางไหม (2)

อยู่อย่างแข็งแรงและมีคุณภาพถึงอายุ 140 ปี มีทางไหม (2)

การดูแลสุขภาพฟันให้แข็งแรงตลอดเวลา ขั้นตอนที่ต้องทำควบคู่กันก็คือ การดูแลหลอดเลือดในร่างกายให้ทำงานปกติ และเพื่อป้องกันสมองเสื่อมเมื่อย่างเข้าสู่วัยอายุเกิน 100 ปี จะสังเกตให้ดีว่า ผมระมัดระวังการใช้คำว่า วัยชรา ในเนื้อหาตลอด เพราะวัย 70 ปี ที่ในอดีต เรามักจะเรียกกันว่าเป็นวัยชรานั้น ผมอยากจะให้เปลี่ยนเป็นวัยกลางคน วัยชราจึงอาจจะหมายถึงวัยที่มีอายุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเป็นจริงในอีก 10 – 20 ปีต่อจากนี้ โดยขอให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำต่าง ๆ

การตีบตันของหลอดเลือดส่วนใหญ่เกิดจากคอเลสเตอรอล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เช่น ไข่แดง หนังสัตว์และเครื่องในสัตว์ ดังนั้นจึงควรควบคุมการรับประทานอาหารเหล่านี้ สัปดาห์หนึ่งไม่ควรรับประทานไข่แดงเกิน 3 ฟอง ในร่างกายของเราจะมีตัวกำจัดคอเลสเตอรอลที่จะไปสะสมตามหลอดเลือด ที่เราเรียกว่า HDL-chol ถ้ามีมากก็จะช่วยปกป้องโรคหลอดเลือดตีบได้ เราสามารถเพิ่ม HDL-chol ได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คอเลสเตอรอลอีกส่วนหนึ่งจะถูกสร้างภายในร่างกาย จึงควรหมั่นตรวจเช็คระดับคอเลสเตอรอลด้วย เพราะถึงแม้จะควบคุมอาหารแล้วก็ตาม แต่ร่างกายอาจจะสร้างขึ้นมามากและกำจัดได้ไม่ดี จึงทำให้เกิดการสะสมขึ้นมาในร่างกายได้ การตรวจเช็คระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงเป็นช่องทางหนึ่งในการมัดระวังการตีบตันของหลอดเลือดได้

เพื่อให้วัย 70 ปี เป็นวัยกลางคน ร่างกายควรจะมีกระดูกที่แข็งแกร่งที่สุดในระยะนี้ และจะยังคงแข็งแรงต่อไปจนถึงอายุ 100 ปีขึ้นไป จากการศึกษาขณะนี้พบว่า มนุษย์จะมีมวลกระดูกมากที่สุด เมื่ออายุ 25 – 30 ปี หลังจากนั้นมวลกระดูกในร่างกายจะค่อยๆ ลดน้อยลง ถ้าไม่ระมัดระวังหรือดูแลมวลกระดูกในเรื่องนี้ให้ดี เพียงอายุ 60 ปี ก็จะมีปัญหาเรื่องกระดูกผุกร่อนได้ ทั้งบริเวณสันหลังและบริเวณท่อนขา ซึ่งจะทำให้กระดูกหักหรือกระดูกสันหลังทรุด เสื่อมตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดูชราก่อนวัยอันควร

การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมมาก และสม่ำเสมอจะช่วยทำให้มีมวลกระดูกที่หนาแน่นตลอดเวลา การดื่มนมวัววันละ 1 ลิตร ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียม เพื่อบำรุงกระดูกอย่างเพียงพอ แต่ขณะนี้นมวัวส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายได้เสริมแคลเซียมให้มากขึ้น การดื่มเพียงครึ่งลิตร หรือ 2 แก้วต่อวัน ก็จะให้แคลเซียมเพียงพอ แต่ก็ควรระมัดระวังเรื่องของไขมันในนมวัวด้วย ถ้าเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวเริ่มจะเกินกว่ามาตรฐานก็ควรดื่มนมวัวชนิดขาดมันเนยที่มีไขมัน 0% หรือในกรณีที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากจนออกไปทางอ้วนแล้ว ก็ควรรับประทานยาเม็ดแคลเซียมเพื่อให้ได้รับแคลเซียมประมาณวันละ 1,000 มิลลิกรัม แทนการดื่มนมวัวก็น่าจะเหมาะสมกว่า การรับประทานอาหารอื่นที่ทำมาจากนมวัว เช่น ชีส ไอศกรีม หรือโยเกิร์ต ก็สามารถให้แคลเซียมมาบำรุงกระดูกได้เช่นกัน แต่ต้องระวังทั้งชีสและไอศกรีมจะให้ไขมันมาก จึงเป็นการเพิ่มน้ำหนักตัวที่มากเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยให้ร่างกายได้รับแสงแดดอ่อน เป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ส่วนการถูกแสงแดดจ้าเกินไป และนานเกินไปอาจจะทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ นอกเหนือจะทำให้เกิดฝ้าขึ้นที่ใบหน้าแล้ว การออกกำลังกายอาจจะเลือกเวลาเล่นกีฬากลางแจ้ง โดยอาจจะเป็นเวลาบ่าย 4 โมงครึ่งขึ้นไป หรือถ้าเป็นเวลาเช้า ก็ควรจะก่อน 8 โมงเช้า ก็จะเป็นเวลาที่แสงแดดไม่จ้า และไม่ร้อนเกินไป ควรทาครีมกันแดดและสวมหมวก เพื่อป้องกันผิวหน้าไม่ให้ได้รับแสงแดดมากเกินไปก็จะดี ถ้าสามารถรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอย่างเพียงพอ ร่วมกับการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง เมื่ออายุย่างเข้า 100 ปีได้อย่างแน่นอน

และอีกเรื่องที่อยากจะเน้นเพื่อให้มีอายุ 100 ปีขึ้นไปให้ได้ ก็คือ การป้องกันมะเร็ง ในแต่ละปี มะเร็งได้คร่าชีวิตคนวัยทำงานมากเป็นอันดับ 2 รองจากอุบัติเหตุ ผู้ชายก็มีมะเร็งจำพวกหนึ่ง ในขณะที่ผู้หญิงก็มีมะเร็งอีกจำพวกหนึ่ง ดังนั้นอย่าปล่อยให้เป็นโรคมะเร็ง เพราะจนถึงปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้เลย จึงควรป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็ง หรือหาวิธีการที่ค้นหามะเร็งในระยะเริ่มต้นให้ได้ เพราะจะรักษาง่ายกว่าการปล่อยให้มะเร็งลุกลามไปแล้ว ทั้งนี้หากมารู้ว่าเป็นมะเร็งในระยะสุดท้ายแล้วเกิดเป็นรักษาและควบคุมได้ยาก

การป้องกันมะเร็งโดยทั่วไป ก็คือ อย่าให้อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งสัมผัสกับสารเคมี แสงแดด หรือสิ่งเจอปนอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป การรับประทานอาหารที่มีสารไดออกซิน ซึ่งเกิดจากการทอดน้ำมัน การสูดดมอากาศที่มีสารเคมีเจือปน การสูบบุหรี่ การที่ผิวหนังถูกแสงแดดมากเกินไป และการมีภาวะท้องผูกเรื้อรัง เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งตามอวัยวะที่ได้รับสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ จึงควรป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า

การสืบค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรก ก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่แนะนำให้ทุกคนทำ สำหรับผู้ชายควรสืบค้นหามะเร็งของกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ โดยเมื่ออายุย่างเข้า 50 ปี ขึ้นไปควรได้รับการส่องกล้องทั้งกระเพาะอาหาร และลำไส้ใหญ่ เพื่อหามะเร็งทั้งสองชนิดนี้ อีกทั้งปรึกษาแพทย์ทางโรคระบบทางเดินปัสสาวะ เมื่ออายุมากกว่า 60 ปี เพื่อหมั่นค้นหามะเร็งต่อมลูกหมาก สำหรับผู้หญิง การตรวจภายในตั้งแต่อายุ 25 ปี ขึ้นไปเป็นระยะ ๆ เพื่อหามะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ระยะเริ่มแรก็เป็นเรื่องที่ดี และควรได้รับการตรวจรังสีที่บริเวณเต้านม (Mammography) ก่อนวัย 40 ปี และตรวจเป็นระยะๆ เพื่อสืบค้นหามะเร็งเต้านมให้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

สำหรับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคมะเร็งที่เพิ่งมีจำหน่ายก็คือ วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งควรฉีดให้เด็กหญิงก่อนวัยรุ่นและก่อนมีเพศสัมพันธ์ ก็พอจะช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งชนิดนี้ได้ ส่วนทารกทุกคนขณะนี้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสบี จะช่วยไม่ให้เป็นมะเร็งตับอันเนื่องมาจากการเป็นตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสชนิดนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น