วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปรุงอาหารอย่างไรในยุคน้ำมันพืชแพง

ปรุงอาหารอย่างไรในยุคน้ำมันพืชแพง : เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส

ในช่วงปี พ.ศ. 2551 น้ำมันพืชโดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม ต่างก็ขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว จากที่เคยมีราคาลิตรละประมาณ 30 บาท ได้ปรับขึ้นไป 40 กว่าบาท จนเกือบจะถึง 50 บาท เป็นการปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ทั้งนี้เพราะน้ำมันปาล์มมีคุณสมบัติพิเศษที่มีกรดไขมันอิ่มตัว ชนิดโมเลกุลยาวมากกว่าน้ำมันพืชอื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับการผสมทำน้ำมันดีเซล ที่เราเรียกว่า ไบโอดีเซล โดยมีการผสมตั้งแต่อัตราส่วนเพียง 2% จนถึง 100% ที่เรียกว่า B2 จนถึง B100 น้ำมันปาล์มจึงเริ่มขาดแคลน ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มไต่สูงขึ้นทั่วโลก

ในทางโภชนาการ แพทย์ไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันปาล์มเป็นหลักในการปรุงอาหาร แต่แนะนำให้ใช้ผสมระหว่างน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันข้าวโพดกับน้ำมันมะกอก แต่น้ำมันมะกอกมีราคาแพงมาก จึงมีการใช้น้ำมันรำข้าวผสมกับน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันข้าวโพดแทน ซึ่งก็ช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจอุดตันได้ดี น้ำมันถั่วเหลืองซึ่งเป็นที่นิยมใช้แทนน้ำมันหมูมานาน จึงมีราคาแพงกว่าน้ำมันปาล์มเกือบ 10 บาทต่อลิตร ผมจึงอยากเขียนเรื่องวิกฤติของน้ำมันพืชแพงนี้ เพื่อให้ทุกครัวเรือนได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำอาหารให้มีราคาประหยัด อร่อย และช่วยลดความอ้วน ที่กำลังระบาดไปทุกประเทศอยู่ในทุกวันนี้

โรคอ้วนไม่ว่าจะในเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนเกิดจากความไม่สมดุลของการรับประทานอาหารกับการใช้แรงงาน หรือการออกกำลังกายในแต่ละวัน อาหารที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอ้วนคือ อาหารที่มีแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป หรือมีน้ำมันในอาหารมากเกินไป ในเมื่อน้ำมันพืชที่ใช้ปรุงอาหารมีราคาแพงขึ้นมาก คุณแม่บ้านจึงควรหันมาคิดถึงวิธีปรุงอาหารที่ลดการใช้น้ำมันพืชในกับข้าวแต่ละอย่าง ซึ่งแต่ละจานมักจะมีน้ำมันพืชเหลือ และต้องทิ้งเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน

ขอเริ่มจากไข่เจียวเป็นอันดับแรก ไข่น่าจะเป็นอาหารชนิดเดียวที่ดูดซับน้ำมันได้มากที่สุด ไข่เจียวเพียง 1 ฟองให้พลังงานถึง 700 กิโลแคลอรี แต่ถ้าไม่ใช้น้ำมันทอดไข่เลย โดยใช้กระทะเทฟล่อนทอดไข่กับน้ำโดยไฟอ่อน ๆ ไข่เจียวนี้จะให้พลังงานเพียง 70 กิโลแคลอรี โดยยังคงคุณค่าของไข่เจียวไว้เช่นเดิม คือให้โปรตีน 7 กรัม มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน จะเห็นว่าถ้าทำวิธีนี้จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันพืช ไม่ทำให้เป็นโรคอ้วน และยังใช้เป็นอาหารรักษาโรคอ้วนได้อีกด้วย

ถัดมาเป็นอาหารทอดน้ำมัน เช่น หมูทอด ไก่ทอดหรือปลาทอด การทอดเนื้อสัตว์แต่ละครั้งต้องใช้น้ำมันไม่ต่ำกว่า 20 – 30 มิลลิลิตร หรือเกือบ 1 – 2 บาทต่อ 1 จาน ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนเป็นแบบย่าง อบ หรือนึ่ง ซึ่งช่วยในเรื่องของสุขภาพ 2 ด้าน คือ ไม่ทำให้อ้วน และห่างไกลจากโรคมะเร็ง

อาหารจานสุดท้าย คือ ผัก เราควรหันมารับประทานผักสดที่ล้างอย่างสะอาด โดยรับประทานในรูปสลัดหรือจิ้มน้ำพริกก็ได้ หรือถ้าไม่ชอบ จะรับประทานในรูปผักนึ่งให้นุ่ม ก็เป็นอาหารบำรุงสุขภาพที่ค่อนข้างดี ที่ช่วยป้องกันและรักษาโรคอ้วนได้เป็นอย่างดี

น้ำมันพืชหรือน้ำมันในอาหาร คือ สาเหตุหลักที่ทำให้ประชากรทั่วทุกมุมโลกเป็นโรคอ้วน รองลงมาก็คือ อาหารประเภทแป้ง ที่ปัจจุบันเรารับประทานข้าว หรือขนมปังในแต่ละมื้อมากกว่าปกติ และออกกำลังกายน้อยลง จึงทำให้ร่างกายเกิดความไม่สมดุลของจำนวนพลังงานจากอาหารที่รับประทานมาก ในขณะที่มีการใช้พลังงานในแต่ละวันน้อยลง การรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงโดยใช้น้ำมันจึงช่วยลดการเกิดโรคอ้วนได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พบโรคอ้วนได้ตั้งแต่วัยเด็ก นั้นเป็นเพราะอาหารที่เด็กชอบส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบหลักในการปรุงอาหาร และเมื่อเป็นโรคอ้วนแล้ว ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ควรสนใจอาหารทุกมื้อที่รับประทาน นอกจากจะไม่ผ่านการปรุงด้วยน้ำมันแล้ว ควรจำกัดปริมาณแป้งหรือขนมปังใจแต่ละมื้อด้วย โดยอาหารจะเป็นรูปของเหลว เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยวหรือเกาเหลาก็ได้ และตามมาด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะที่เรียกหายาเพื่อเพิ่มกำลังใจในการลดน้ำหนัก

การใช้น้ำมันปาล์มมาทำเป็นไบโอดีเซลนั้น ผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่มนุษย์ได้ใช้น้ำมันพืชบนดินแดนน้ำมันดิบใต้ดิน เพราะน้ำมันบนดินจะสะอาดช่วยมลพิษต่าง ๆ และยังผลิตขึ้นได้เองอย่างไม่จำกัด ในขณะที่น้ำมันดิบนับวันมีแต่จะร่อยหรือลงไป และหมดในที่สุดซึ่งคงจะไม่ถึง 80 ปี นับจากนี้ต่อไปน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ ก็สามารถนำมาทำเป็นไบโอดีเซลได้ โดยผ่านขั้นตอนทางเคมีเพิ่ม 1 – 2 ขั้นตอนเท่านั้น และเมื่อน้ำมันพืชทุกชนิดมีราคาสูงขึ้น มนุษย์จึงควรหันมาปรุงอาหารที่ไม่ใช้น้ำมันพืช อาหารของคนส่วนใหญ่จะเริ่มมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบน้อยลง ในขณะเดียวกัน อาหารทางเกษตรไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือแป้งสาลี ซึ่งเป็นอาหารหลักของมนุษย์ก็จะมีราคาแพง ขึ้นตามผลิตภัณฑ์ทางเกษตรอื่น ๆ ที่สามารถนำไปทำเอทิลแอลกอฮอล์ เพื่อผสมกับเบนซิน ทำเป็น E10 E20 และในที่สุดก็เป็น E50 ด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยี ทำให้ได้เครื่องยนต์ที่ใช้เอทิลแอลกอฮอล์มากขึ้นเรื่อย ๆ ประเทศส่วนใหญ่ก็สามารถผลิตน้ำมันบนดินได้ อาหารที่มนุษย์รับประทานกันเป็นประจำซึ่งจะกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายจะเริ่มมีราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ มนุษย์จะรับประทานอาหารลดน้อยลง โรคอ้วนที่เป็นโรคระบาดในขณะนี้จะมีอุบัติการณ์น้อยลง การใช้น้ำมันดิบจากใต้ดินที่ทำให้เกิดมลพิษก็จะมีการใช้น้อยลง และในที่สุดโลกก็จะรักษาตัวเอง โดยช่วยลดภาวะโลกร้อน และรักษามนุษย์ลนโลกด้วยการลดอุบัติการณ์โรคอ้วนด้วยการนำอาหารส่วนเกินนี้มาใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนในชีวิตประจำวัน วิกฤติครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีแก่มนุษย์ในอีก 40 – 50 ปี ข้างหน้าที่พืชผลทางการเกษตรของเราจะเป็นที่ต้องการของชาวโลก เมื่อเขาขายน้ำมันดิบให้แก่เราในราคาแพง พืชผลเกษตรของเราก็จะถูกจำหน่วยออกไปในราคาแพงเช่นกัน

1 ความคิดเห็น:

  1. ต้องการขายน้ำมันพืชใหม่ ขายทั้งในประเทศและขายส่งออกต่างประเทศ
    ต้องการขายน้ำมันดอกคาโนล่า น้ำมันพืชเพื่อสุขภาพ ประหยัดเงินประหยัดงบฯ เพื่อนน่าคบของจัดซื้อ
    1. สกัดจากธรรมชาติ ไร้สารเคมี ไม่ใส่ปุ๋ย ไม่ใส่ยาฆ่าแมลง ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลระดับโลกต่างๆ เช่น Non GMO, Halal, Kosha และได้รับอนุญาตจาก อย. ประเทศไทยโดยผ่านการทดสอบมาตรฐานจากห้องทดสอบของบริษัท SGS ที่ได้มาตรฐานและการยอมรับผลการทดสอบจาก อย.
    2. จุดเกิดควันสูงมาก ทำให้สามารถทอดอาหารที่มีอุณหภูมิสูงได้หลายครั้งโดยไม่เกิดสารที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน สีสันของอาหารสวยงาม รสชาติอร่อยอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นการประหยัดรายจ่าย
    3. สามารถปรุงอาหารได้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นการทอด ผัด ทำน้ำสลัด ทำครีมสลัด ทำมายองเนส ทำเบเกอรี่ ฯลฯ และใช้ในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องต่าง ๆ เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง และอาหารขบเคี้ยวต่าง ๆ
    4. มีส่วนผสมของกรดไขมันอิ่มตัวน้อยที่สุดเพียง 7% เท่านั้น ซึ่งกรดไขมันอิ่มตัวนี้เองถ้าร่างกายสะสมไว้มาก ๆ จะไปเกาะผนังเส้นเลือดในร่างกายทำให้เกิดเป็นไขมันอุดตันเส้นเลือดซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ เช่นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต แสดงว่าน้ำมันคาโนล่าปลอดภัย
    5. ไม่มีกรดไขมันทรานส์ที่เกิดจาการใส่สารเคมีบางอย่างลงในไปในน้ำมันพืชเพื่อรักษาระดับคุณภาพตามที่เขาต้องการ แต่สารเคมีนั้นเมื่อเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายของมนุษย์แล้วก่อให้เกิดผลเสียกับร่างกาย
    6. มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในหลอดเลือดซึ่งได้แก่ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดต่าง ๆ เช่น Omega3, Omega6 และ Omega9
    7. ภาชนะบรรจุ ขวด 500 มล., 1 ลิตร, 5 ลิตร ปี๊ป 18 ลิตร, 13.75 ลิตร ถัง 200 ลิตร, 1,028 ลิตร แท็งค์ใหญ่, ตู้คอนเทนเนอร์

    ติดต่อคุณพล บริษัทซัพพลาย เชน (ประเทศไทย) จำกัด โทร.087-0043210 หรือ 038-574171-3 Email : ruok888@gmail.com

    ตอบลบ