วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สมดุลชีวิตกับงาน:เรื่องจริงหรืออิงนิยาย

ชีวิต มนุษย์เงินเดือนอย่างเราท่านในทุกวันนี้ ดูเหมือนต้องพยายามดิ้นรนแสวงหาสมดุลของหน้าที่การงานกับชีวิตส่วนตัวกันอย่างขวักไขว่ แต่ก็ไม่ง่านนักที่จะมีใครมีชีวิตที่สมดุลได้ดังว่าสาเหตุหลักก็เนื่องจากมาจากการที่เราทุกคนมีข้อจำกัดทางด้านเวลา หากคุณพบว่าตัวเองมีงานคั่งค้างและไม่เคยมีเวลาจัดการชีวิตส่วนตัวและครอบครัวได้ตามต้องการ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยว่าปัญหาสมดุลระหว่างชีวิตกับงานกำลังเข้ามาทักทายเข้าแล้ว ข้อแนะนำเล็กน้อย ๗ ข้อต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้..........
๑)ปรึกษาหัวหน้า
องค์กรสมัยนี้มักให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของบุคลากรมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะต้องการดึงดูดคนเก่งๆ ให้เข้ามาสู่องค์กร และรักษาคนเหล่านี้ให้อยู่นายๆ
ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกขอบงานที่ทำ แต่ต้องการได้ความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำไมไม่ลองรวบรวมความกล้าคุยกับหัวหน้างานของคุณดูว่าเป็นไปได้ไหมที่จะนำเทคนิคการสร้างความยืดหยุ่นในการทำงานมาใช้ เช่น ทำงานมากขึ้นเป็นบางวันเพื่อให้มีเวลาจัดการชีวิตส่วนตัวได้ในยามจำเป็น (Compressed Workweek) ยกตัวอย่าง ปกติทำงาน ๕ วัน (จันทร์ถึงศุกร์)วันละ ๘ ชั่วโมง + เช้าศุกร์อีก ๔ ชั่วโมง ก็เแปเอี่ย ๔0 ชั่วโมง แต่สิ่งที่คุณจะได้เพิ่มเติมมาคือ เวลาว่างตอนบ่ายวันศุกร์ ที่อาจใช้ไปทำธุระส่วนตัวหรือรีบกลับไปรับลูกจากโรงเรียนกลับบ้านพร้อมกันก็ได้
๒)ศึกษาทางเลือก
ตำแหน่งงานบางตำแหน่งอาจต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นหากคุณต้องการมีเวลามากขึ้นสำหรับตัวเองและครอบครัว อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนที่ทำงานหรือตำแหน่งงานที่เบาลงหรือยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ทั้งนี้คุณต้องทำใจยอมสละบางสิ่งบางอย่างไปหากต้องการเวลามากขึ้น เช่น คุณอาจมีรายได้น้อยลง
๓)ผ่อนเครื่องลง
หยุด....หันมองไปรอบๆ.....หายใจเช้าลึกๆ..... หายใจออกยาวๆ..... มีความสุขกับกิจกรรมและสังคมรอบข้าง ทั้งในและนอกที่ทำงานบ้าง ระหว่างการประชุมอาจมีการเบรกความเครียดพูดคุยเรื่องโปกฮา การบ้านการเมือง ละครทีวีบ้าง หรือไม่ก็รู้นจักหาเวลากลับให้ถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกเพื่อจะได้มีเวลารดน้ำใส่ปุ๋ยต้นไม้ต้นโปรด เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ต้องหอบกลับไปทำที่บ้านจนติดนิสัย รู้จักปิดซีกสมองที่เกี่ยวกับงานเสียบ้างในวันหยุด(ไม่งั้นเขาจะเรียกวันหยุดเหรอ)เพื่อชาร์จพลังไว้ห้ำหั่นกับงานในเช้าวันจันทร์
๔)ทำชีวิตให้ง่าย
ที่จริงมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่อยาทกประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตด้วยเวลาที่มีอยู่เพียงจำกัด การจัดการชีวิตให้ง่ายจะช่วยให้คุณใช้เวลาในแต่ละกิจกรรมลดน้อยลง อาจเริ่มจากการโกยขยะรุงรังบนโต๊ะทำงานลงทังขยะ คุณจะได้ไม่ต้องหงุดหงิดตอนแหวกดงขยะเพื่อหาเอกสารสักชิ้น แล้วคุณจะพบว่าการทำชีวิตให้ง่าย ทำให้คุณมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
๕)ตั้งเป้าหมายการทำงาน
การตั้งและลำดับความสำคัญของเป้าหมายการทำงานแต่ละวัน นอกจากจะช่วยให้คุณรู้สึกดีที่เห็นแต่ละเป้าหมายย่อยถูกฝ่าฟันไปทีละเป้า ๆ แล้วยังช่วยให้คุณไม่ต้องเก็บความกังวลเรื่องงานล้นมือไว้เต็มหัวสมองอีกด้วย เพราะคุณจะเห็นภาพรวมของภาระงานทั้งหมดซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ในความควบคุม สิ่งสำคัญก็คืออย่าลืมเผื่อเวลาไว้สำหรับงานด่วนหรือเรื่องฉุกเฉินด้วย
๖)แบ่งปันความรับผิดชอบ
ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจขนาดไหน คุณก็ไม่มีทางทำงานทุกอย่างเสร็จได้ด้วยตัวเองทุกครั้งในเวลาที่มีอยู่อย่างน้อยนิดหากคุณมีลูกน้องคุณก็ควรมอบหมายงานให้ลูกน้องทำตามความเหมาะสม แทนที่จะเก็บไว้ทำเองทั้งหมด การมอบหมายงานนอกจากจะช่วยลดภาระงานของคุณแล้ว ยังเป็นการสร้างพัฒนาลูกน้องคุณอีกโสตหนึ่งด้วย
๗)มองสมดุลของชีวิตกังทำงานเป็นเป้าหมายที่ไม่เคยอยู่นิ่ง
อย่าไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตการทำงานกับชีวิตด้านอื่นมีความสมดุล แล้วก็จบแค่นั้น แต่ให้มองว่าสมดุล แล้วก็จบแค่นั้น แต่ให้มองว่าสมดุลนั้นเป็นสิ่งที่ต้องการการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เนื่องจากบทบาทในชีวิตของแต่ละคนเปลี่ยนไปเสมอ เช่น หากคุณได้เลื่อนตำแหน่งงานสูงขึ้นคุณก็อาจต้องปรับวิถีการใช้ชีวิตให้เหมาะกับตำแหน่งใหม่มากขึ้นอาจต้องมีการยกเลิกกิจกรรมบางอย่างไป แต่ต้องเพิ่มบางอย่างเข้ามา
การจะประสบความสำเร็จแค่ไหนกับการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับงาน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะระบุได้ชัดเจนแค่ไหนว่าสมดุล"ของคุณ" มีหน้าตายังไงเพราะที่สุดแล้ว มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของคุณเอง ที่ต้องรับผิดชอบปรับเปลี่ยนแบบแผนกิจกรรมในชีวิตเพื่อรักษาสมดุลนี้ไว้เมื่อสถานการณ์แปรเปลี่ยน
หากทำอย่างนี้ได้...... นิยาย (เรื่องสมดุลชีวิตกับงาน)ก็คงจะกับกลายเป็นจริง

กระแสคนกระแสโลก
ดร. ภาณุภาคย์ พงศ์อติชาต นธ. ตรี
สำนักงาน ก.พ.
พิมพ์ใน มติชนสุดสัปดาห์ ปีที่่ 29 ฉบับที่ 1503

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น